จับเมียนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดัง ลอบขนต่างด้าว-อัดซุกในรถ ลำเลียงส่งเข้าเมือง ก่อนโดนเจ้าหน้าที่สกัดจับ พร้อมญาติร่วมขบวนการ ตามไปล็อกตัวเอเยนต์
เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
วันที่ 22 ม.ค. ที่บก.ภ.จว.กาญจนบุรี พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผบช.ภ.7 พร้อมผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี และผู้แทนทหารกองพลทหารราบที่ 9 กองกำลังสุรสีห์ แถลงจับกุมผู้ต้องหาลักลอบนำแรงงานชาวเมียนมาเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย 3 ราย
- ตรวจซ้ำ 2 ครั้งถึงเจอ สาวอยุธยาติด ‘โควิด’ คาดรับเชื้อจากสามีกลุ่มสนามชนไก่
- หมอทวีศิลป์ ตอบ ดีเจมะตูม จะกลายเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์วงการบันเทิงหรือไม่
- นักร้องดัง พ่อดีเจมะตูม ห่วงลูกติดโควิด เพื่อนคนบันเทิงตกใจเพิ่งรู้เป็นลูก
รายแรกเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 ม.ค.4 เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ อ.องผาภูมิ ร่วมกันตรวจค้นรถเก๋งโตโยต้า ยาริส สีขาว ซึ่งมีน.ส.ศศิเพ็ญ ศิลปะชัย เป็นผู้ขับขี่ ภายในรถพบบุคคลต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย 4 คน จากการสอบสวนทำให้ทราบว่า น.ส.ศศิเพ็ญเป็นภรรยาของนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดังในอ.สังขละบุรี และมีธุรกิจค้าอัญมณี รวมถึงธุรกิจนำเที่ยวในฝั่งอำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมาด้วย
สอบสวนนางศศิเพ็ญรับสารภาพว่าได้รับบุคคลต่างด้าวทั้ง 4 ราย มาจากแนวชายแดนสังขละบุรี และเตรียมนำไปส่งให้กับเอเยนต์ในอ.เมืองกาญจนบุรี แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตรวจค้นจับกุมได้เสียก่อน โดยเจ้าหน้าที่ยังได้ขยายผลไปจับกุมตัวนายสมศักดิ์ ชาวเมียนมา ซึ่งทำหน้าที่เป็นเอเยนต์มารอรับแรงงานชาวเมียนมาทั้ง 4 คนอยู่ที่หน้าห้าง พร้อมควบคุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ส่วนรายที่ 2 เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจร่วมสะพานรันตี อ.สังขละบุรี ได้ตรวจค้นรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ซึ่งมีนายประวิช แก้วดำ เป็นคนขับ ภายในรถพบบุคคลต่างด้าว ชาวเมียนมา 2 คนหลบซ่อนตัวอยู่บริเวณเบาะนั่งแถวที่ 3 โดยมีผ้าสีดำคลุมปิดทับอำพรางสายตาเจ้าหน้าที่
เมื่อทำการตรวจสอบประวัติของนายประวิชพบว่าเป็นญาติสนิทกับน.ส.ศศิเพ็ญ อีกทั้งยังมีประวัติเคยถูกจับกุมในคดีลักลอบนำบุคคลต่างด้าวเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย เมื่อปี 2552 ทำให้เชื่อได้ว่าผู้ต้องหารายที่ 1 และรายที่ 2 น่าจะทำกันเป็นขบวนการ โดยทำหน้าที่นำพาแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาจากสังขละบุรีไปส่งให้กับเอเยนต์ เพื่อนำไปส่งให้กับลูกค้าอีกทอดหนึ่ง
โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 รายให้การรับสารภาพว่าได้รับเงินค่าจ้าง ในการขับรถนำแรงงานชาวเมียนมามาส่งให้กับเอเยนต์ในราคารายละ 5,000-7,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสืบสวนขยายผลหาตัวเพื่อนร่วมขบวนการของผู้ต้องหาทั้ง 2 รายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
