ร้านชาบู เซ็ง เจอลูกค้าแสบ โกงค่าอาหาร กดโอนมาแค่1บาท ไม่ใช่ครั้งแรกที่จับได้ ผู้จัดการเผย พบเข้ามาทานบ่อย แรกๆก็จ่ายเงินปกติ
เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
วันที่ 25 ม.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจร้านชาบูชื่อ ซิกซ์ตี้ทู สาขาเลย ได้โพสต์ภาพชายหนุ่มรายหนึ่งขณะยืนรอชำระเงินค่าอาหารในร้าน พร้อมระบุว่า โดนชายคนดังกล่าวโกง ไม่ยอมจ่ายเงิน โอนเงินแบบออนไลน์ แต่เงินไม่เข้า พร้อมเรียกร้องให้กลับมารับผิดชอบกับสิ่งที่ทำ ซึ่งเป็นการกระทำซ้ำครั้งที่ 2 ครั้งแรก โอนแค่ 1 บาท จากยอดจริง 576 บาท ซึ่งร้านชาบูดังกล่าว ตั้งอยู่ริมถนนเจริญรัฐ ย่านตลาดเย็นบ้านติ้ว ต.กุดป่อง อ.เมืองเลย
น.ส.สุธิดา พนักงานเก็บเงินของร้าน เล่าว่า เมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 19.30 น. ลูกค้าเป็นผู้ชายสองคน เข้ามารับประทานชาบู เมื่อเสร็จก็เรียกให้ไปคิดเงิน เป็นยอด 576 บาท ขอจ่ายเงินแบบโอนออนไลน์เขามาทำทีสแกนคิวอาร์โค้ดที่หน้าเคาท์เตอร์ แล้วแสดงหน้าโอนเงินให้ดู แล้วก็เดินออกไป แล้วมารู้จากจากของร้านทีหลังว่า ไม่มียอดเงินเข้าบัญชี
ด้านนายประสิทธิ์ ผู้จัดการร้าน เปิดเผยว่า สองคนนี้เข้ามารับประทานอาหารในร้านบ่อย ประมาณ 5-6 ครั้งแล้ว แรกๆก็จ่ายเป็นเงินสด ไม่มีปัญหาอะไร แต่สองครั้งหลังสุด จ่ายแค่ 1 บาท เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2563 จากยอด 576 บาท พร้อมขอถ่ายรูปสลิปไว้ด้วย เมื่อวานนี้ กลับมาอีก ตนก็พบว่ามีพฤติกรรมแปลกๆ ขอจ่ายเงินแบบออนไลน์ก่อน แต่ยังไม่โอน ใช้แทบเล็ตถ่ายรูปสลิปไว้ก่อน อ้างว่ากลัวแบตจะหมด
ตลอดเวลาที่นั่งรับประทานชาบู ชายคนนี้มักเดินเข้าห้องน้ำบ่อยๆ โดยเอาแท็บเล็ตไปด้วยทุกครั้ง ตนจึงเชื่อว่า มีการนำเอาภาพถ่ายสลิป เปลี่ยนแปลงให้เป็นยอด 576 บาท บันทึกเป็นภาพซ่อนไว้ในเครื่อง เมื่อมาจ่ายเงินหน้าเคาท์เตอร์ ทำทีเป็นสแกนคิวอาร์โค้ด แล้วเปิดภาพสลิปที่เตรียมไว้ในแท็บเลตมาแสดงให้พนักงานดู ส่วนเพื่อนอีกคนก็เดินออกไปรอนอกร้านก่อนแล้ว ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิด บันทึกการกระทำไว้อย่างชัดเจน
ด้านเจ้าของร้าน กล่าว่า ช่วงเกิดเหตุ ตนไม่ได้อยู่ในร้าน หลังจากปิดร้าน ก็มาเช็กยอดเงินที่ลูกค้าจ่ายแบบออนไลน์ กลับไม่พบยอดเงินจากโต๊ะที่ผู้ชายสองคนนี้เข้ามาสั่งรับประทานชาบู มีเพียง 2 โต๊ะที่มียอดเดียวกันโอนเข้ามา เมื่อมาตรวจดูกล้องวงจรปิดก็พบว่า ชายคนนี้มีท่าทางพิรุธ นำสลิปปลอมที่บันทึกเป็นภาพเปิดออกมาให้พนักงานดู หลอกว่าโอนแล้ว พนักงานหญิงคนนี้เป็นน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาทำงาน มีความเกรงใจ ไม่กล้าทวงถาม หรือขอตรวจสอบยอดเงินว่าเข้าบัญชีตนจริงหรือไม่
เจ้าของร้านเล่าอีกว่า จากการตรวจสอบ พบว่า ชายสองคนนี้เคยก่อเหตุแบบเดียวกันที่ร้านตนเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2563 มาแล้ว คราวนั้น โอนเงินเข้ามา 1 บาท แต่ไม่ได้ติดใจเอาความ เพราะคิดว่าอาจเกิดจากความผิดพลาดของทางร้านเอง แต่ครั้งนี้ กลับมาทำอีก ตนก็ยังคิดว่าคงไม่ใช่ความผิดของลูกค้า แต่เมื่อมาตรวจสอบทุกอย่างแล้วพบว่า เราโดนโกงแน่นอน
ซึ่งหลังจากที่โพสต์ลงไปในเพจแล้ว ผู้ก่อเหตุยังไม่ติดต่อกลับมารับผิดชอบใดๆ ซึ่งถือว่าเป็นการซ้ำเติมทุกข์ของคนค้าขาย ที่ต้องหากินลำบากในช่วงโควิด แม้เป็นจำนวนเงินไม่มาก แต่อยากแจ้งเตือนภัยให้ร้านค้าหรือร้านอาหารอื่นๆระวังการกระทำของสองคนนี้ หากยังไม่ติดต่อเข้ามา ตนจะไปแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด