โอละพ่อ หนุ่มร่อนทอง ในคลองชลประทาน หมู่ 4 อ.เมืองราชบุรี ที่แท้กุเรื่อง นักข่าวท้องถิ่น แจงยิบ ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง ผู้ว่าฯสั่งสอบ

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

วันที่ 28 ม.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี ครูหนุ่ม หรือ หรือ นายกรภัทร พรของแม่ อายุ 33 ปี อาชีพครูปฐมวัย โพสต์โชว์ ทองนพคุณที่ร่อนได้ในคลองชลประทาน หมู่ 4 อ.เมืองราชบุรี หลังสนามกอล์ฟดอนแจง ใกล้คอกม้า พร้อมได้นำทองที่ร่อนได้ ไปตรวจสอบกับทางร้านทอง ซึ่งระบุเป็นทองจริง ยิ่งสร้างความแตกตื่น จนทำให้ชาวบ้านจากจังหวัดราชบุรี และจังหวัดใกล้เคียง ต่างพากันมาร่อนทองกันเป็นจำนวนมาก จนทางภาครัฐต้องลงมาตรวจสอบ พร้อมสั่งปิดพื้นที่บริเวณคลองชลประทาน เพื่อห้ามไม่ให้ชาวบ้านมาร่อนทอง เนื่องจากเกรงจะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และเข้าข่ายกระทำความผิด พ.ร.บ.แร่ ดังมีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด นายกรภัทร เปิดเผยว่า ตนยอมรับว่า เรื่องราวทั้งหมดนั้น ตนกุเรื่องขึ้นมา แต่มีคนอยู่เบื้องหลัง โดยครูหนุ่มบอกว่า ความจริงแล้วทองที่เขานำเอามาโชว์ เป็นทองที่เขาหามาได้จริงๆ ในคลองชลประทานดอนแจง โดยเมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ไปหาหอยที่คลองดังกล่าว แต่เผอิญเหลือบไปเห็นวัสดุสีทองเหมือนทองคำ เลยหยิบขึ้นมาดู ปรากฏว่าเป็นทองจริงๆ เลยตัดสินใจกลับบ้านแล้วไปเอาเครื่องตรวจจับโลหะ มาค้นหา ปรากฏว่าไปเจอพวกเศษทองรูปพรรณเพิ่มอีก เลยนำกลับมาที่บ้าน แล้วถ่ายรูปเก็บไว้

หลังจากนั้นวันที่ 15 ม.ค.จึงนำรูปดังกล่าวโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว และปรากฏเป็นข่าว จึงทำให้ชาวบ้านหลายคนแห่ไปร่อนทองที่คลองชลประทาน ส่วนกรณีที่ชาวบ้านเจอพระเครื่องในคลอง ตนเองยอมรับว่า เป็นคนเอาพระกับเหรียญเก่าๆ ไปโยนไว้ในคลอง เพียงแค่หวังว่าหากชาวบ้านไปเจอจะได้มีความชื่นใจ หลังจากที่เขานำเรื่องราวไปโพสต์มี หลายคนให้ความสนใจรวมทั้งนักข่าวหลายช่องติดต่อมาจำนวนมาก พร้อมทั้งมีนักข่าวช่องหนึ่งติดต่อประสานงานและประสานไปออกทีวี

นายกรภัทร กล่าวอีกว่า ผู้สื่อข่าวคนนี้เข้ามาบอกให้ตนสร้างเรื่องราว โดยให้โกหกว่า มีคนขับสิบล้อมาชี้จุดให้ ก่อนจะลงไปเจอทอง เพื่อที่จะได้สร้างความน่าเชื่อถือ พร้อมทั้งพาไปออกรายการข่าว แต่ปรากฏว่าสุดท้ายถูกนักข่าวคนนี้ โกงค่าตัวไป 1 หมื่นบาท จึงทำให้เขาตัดสินใจออกมายอมรับความจริงกับสื่อในวันนี้

หนุ่มร่อนทอง ที่แท้กุเรื่อง

“ต้องกราบขอโทษชาวราชบุรี ทุกคนที่แห่กันไปร่อนทอง รวมทั้งขอโทษส่วนราชการทุกส่วนที่ทำให้เดือดร้อน ทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ได้มีเจตนาหลอกลวงใคร เกิดจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์” นายกรภัทร หรือ ครูหนุ่มกล่าว

ขณะที่ทาง สื่อมวลชนที่ถูกพาดพิง ได้ชี้แจงมาว่า ได้รับมอบหมายจากทางกองบรรณาธิการช่อง หลังมีข่าวเรื่องครูหนุ่ม โดยทางกองบรรณาธิการได้ส่ง รายงานข่าว ของครูหนุ่มพบทองคำในคลองชลประทาน ที่ทางสื่อนำเสนอ เมื่อวันที่ 22 ม.ค.64 เวลาประมาณ 09.10 น.

โดยได้เปิดข่าวอ่าน จากนั้นก็พยายามตามหาตัวของครูหนุ่ม จนพบเฟซบุ๊กของครูหนุ่มรายนี้ จึงติดต่อไปทางข้อความในเฟซบุ๊ก โดยขอให้มาที่จุดพบทองดังกล่าว โดยที่นายกรภัทร ตอบตกลง และได้นัดไปเจอกันที่จุดเจอทอง เวลาประมาณ 12.50 น. ใกล้ๆบ่ายโมง และได้สัมภาษณ์ ถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตามที่มีการระบุในข่าว ในจุดที่เจอทอง

แต่จากข่าวที่ปรากฏออกไป กล่าวหาว่า ตนเองเป็นผู้จัดฉากและสั่งสร้างเรื่อง ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างไร จากไทมน์ไลน์ข้างต้น ตนเป็นผู้ที่ทราบข่าวหลังจากที่มีสื่อนำเสนอ และ ลำดับเหตุการณ์ว่า มานั่งตกปลา และ มีลุงขับรถบรรทุกสิบล้อมาบอกว่ามีทองในคลองชลประทาน

ประเด็นต่อมา หลังจากที่ สัมภาษณ์เสร็จ ตนอยากรู้ความจริง เรื่องทองคำที่พบว่าเป็นของจริงหรือไม่ จึงได้เดินทางไปยังร้านทอง ในตลาดศรีเมือง เพื่อขอตรวจสอบว่าเป็นทองจริงหรือไม่ ในขณะนั้นมีสื่อทีวีมาทำข่าวพอดี จึงนัดกันที่บ้านของนายกรภัทร ซึ่งตนเองก็ยังไม่รู้จักว่าบ้านอยู่ที่ไหน จึงได้สอบถามทาง และเดินทางไปที่บ้านเพื่อขอถ่ายทำทองที่พบ

จากนั้นได้พานายกรภัทรไปที่ร้านทอง โดยให้นั่งรถยนต์ของเพื่อนไป เพราะไปทางเดียวกัน และ จะต้องไปที่เจอทองด้วย เพื่อขอถ่ายทำภาพสาทิตการร่อนทอง เมื่อมาถึงร้านทองก็ได้ขอให้ทางร้านทองได้ช่วยกันพิสูจน์ โดยทางสื่อทีวีส่วนกลาง และ ท้องถิ่นคนที่เปิดประเด็นข่าวคนแรก ร่วมทำข่าวด้วย

ซึ่งร้านทองได้เช็กแล้วว่าจี้กระต่าย เป็นทางคำจริงหนัก 1.9 กรัม มูลค่า 3,116 บาท ตามที่ตนได้นำเสนอข่าวไป รวมถึงสื่อทีวีด้วย จากนั้นได้พากันเดินทางไปที่จุดร่อนทอง เพื่อถ่ายภาพสาธิตการร่อนทองที่พบ ก่อนจะพบกลับมาส่งบ้าน จากนั้นตนก็เดินทางกลับมาส่งข่าวตามปกติ

ซึ่งประเด็นที่กล่าวหาตนว่า “เป็นคนอยู่เบื้องหลังให้ครูหนุ่มกุเรื่องขึ้น ซึ่งประเด็นนี้ ได้ชี้แจงไปตามขั้นต้นแล้วถึงที่มาที่ไป จึงยืนยันตามหลักฐานที่ปรากฏ ว่าไม่ได้เป็นผู้สร้างเรื่อง กุเรื่อง หรือ เขียนสคริปให้นายกรภัทร ออกมาให้ข่าวตั้งแต่แรก

ส่วนประเด็นเรื่อง โกงค่าตัวเขาไป 1 หมื่นบาทนั้น สื่อมวลชนที่ถูกพาดพิง ได้ชี้แจงมาว่า เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ช่วงเที่ยง ตนได้รับประสานจาก ทีมข่าวทางช่องทีวีช่องหนึ่งว่าอยากให้ชาวบ้านมาออกรายการที่สถานี จังหวะนั้นตนกำลังทำข่าวในพื้นที่ เพราะมีหน่วยงานจังหวัดมาตรวจสอบและรายงานข้อเท็จจริง หลังจากที่ทางราชการกลับกันหมด

ตนได้โทรหาชาวบ้าน และให้นายกรภัทรมาหา และสอบถามว่าทาง รายการจะให้ไปออกรายการที่สถานีไปไหม พร้อมทั้งสอบถามเบอร์โทรของนายกรภัทรให้กับทางรายการ เพื่อให้โทรคุยรายละเอียดกันเอง ก่อนที่นายกรภัทรจะตอบตกลง ซึ่งทางรายการแจ้งว่าจะหารถตู้มารับ

ผ่านไป 10 นาที รายการโทรมาแจ้งว่า ให้ตนขับรถพาขึ้นไป โดยจะจ่ายค่ารถเช่ารถตู้ให้ตนแทน พร้อมกันนี้ ตนได้แจ้งรายการไปว่า มีนักร่อนทองชาวโคราชที่มีความเชี่ยวชาญการร่อนทองมาในพื้นที่ด้วย และกำลังจะกลับโคราช จะให้ไปออกรายการด้วยหรือไม่ จะได้ตอบชัดเลยว่าเป็นทองแท้จริงหรือไม่ และ ในคลองชลประทานดังกล่าว ไม่มีทองจริง เพื่อที่จะตอบสังคมได้อีกช่องทาง ซึ่งทางรายการตกลง จากนั้นจึงได้เดินทางจากราชบุรี โดยตนเป็นคนขับรถยนต์ส่วนตัวพานายกรภัทรไป ซึ่งตลอดทางไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องค่าใช้จ่ายอื่นใด จนถึงสถานีเวลา 17.10 น.

ซึ่งตลอดทางจ่ายค่าทางด่วน 4 จุด รวม 180 บาท เพื่อที่จะให้ทันเวลาบันทึกรายการ ก่อนขึ้นรายการทีมงานผู้ประสานได้แจ้งตนว่า ให้ค่ารถเท่ากับค่ารถตู้นะ 3,000 บาท ส่วนค่าร่วมรายการของนายกรภัทร และ ทางผู้เชี่ยวชาญในการร่อนทอง 2 คน โดยที่ทางทีมงานได้ขอบัตรประชาชน ตนเอง นายกรภัทร และ ชาวโคราช กับ เพื่อน รวม 4 คน พร้อมทั้งเลขบัญชีธนาคารของแต่ละคน ซึ่งทางรายการเป็นผู้โอนให้โดยตรงไม่ได้ผ่านตนเองแต่อย่างไร ซึ่งตนยังไม่รู้เลยว่ารายการให้คนละเท่าไร่ ในใจยังคิดเลยว่าได้คนละ 1,500 บาท

จากนั้นขึ้นไปบันทึกรายการ จากนั้นทางทีมงานได้มอบเอกสารในซองซึ่งมีใบกำกับภาษี ที่ต้องหัก 3% ส่วนเงินทางรายการได้แจ้งให้นายกรภัทร และ นักร่อนทองชาวโคราช จากนั้น แยกย้ายกันกลับ มารู้ทีหลังก็วันนี้(27 ม.ค.64) ที่ปรากฏเป็นข่าวและได้ขอหลักฐานการจ่ายเงินจากทางทีมงานจึงทราบว่า ทางรายการจ่ายให้นายกรภัทรมาจำนวน 2,425 บาท ซึ่งเรื่องนี้มีหลักฐาน ทุกอย่าง ภาพถ่ายการออกรายการ และ สลิปการจ่ายเงิน โดยการโอนเงินเข้าบัญชีโดยตรงให้นายกรภัทร ซึ่งไม่ได้ผ่านตนแม้แต่บาทเดียว ตนรับแต่ค่ารถของตนเท่านั้น

และวันต่อมาตนทำข่าวและรายการตามปกติ จนมาวันนี้ 27 ม.ค. นายกรภัทร ได้ แซ็ตมาและ โทรมาว่า จะขอสารภาพทุกอย่าง ซึ่งตนยังสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น และ ขอที่อยู่ว่าตอนนี้อยู่ที่ใด จะเดินทางไป เพื่อทำข่าว และได้ประสานกับทางอำเภอว่า นายกรภัทร ขอสารภาพ และ ได้นัดนายอำเภอว่าจะไปพร้อมนายกรภัทร เพื่อที่จะได้สารภาพกันโดยมีทางหน่วยงานรัฐเป็นพยาน

จากนั้นตนได้เดินทางไปหานายกรภัทรและพยายามโทรหา แต่นายกรภัทรไม่รับสาย จนตนเองเดินทางไปถึงที่ตลาดปลาฟิสวิลเรท บ้านโป่ง และเดินตามหานายกรภัทรจนเจอ ซึ่งตน ก็ได้สอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และ ขอสัมภาษณ์ แต่นายกรภัทรปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ “บอกตอนนี้ไม่สะดวก” ก่อนจะมาทราบข่าวจากสื่อต่างๆว่า นายกรภัทรให้ข่าวไปว่ามีนักข่าวอยู่เบื้องหลัง

อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าว นายรณภพ เหลืองไพโรจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ได้สั่งการให้นายอำเภอตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวนในเรื่องดังกล่าวต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน