ชาวบ้านเลาขวัญ เมืองกาญจน์ กว่า 30 คน บุกสำนักงานสรรพากรจังหวัด ร้องใช้บัตรคนจนไม่ได้ ถูกสวมรอยบัตรปชช.ไปใช้ สุดงง!ปีนึงมีเงินเข้าหลายล้าน

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

เมื่อวันที่ 3 ก.พ.64 ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ชาวบ้านจากหมู่ 3 และหมู่ 4 ในต.หนองปลิง อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ประมาณ 30 คน เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่สรรพากรจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อให้ข้อมูลและขอความช่วยเหลือ กรณีที่ชาวบ้านทั้ง 30 คน ยื่นขอรับสิทธิ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.)

แต่เมื่อธนาคารตรวจสอบกลับพบว่า ชาวบ้านกลุ่มนี้ไม่สามารถขอรับสิทธิ์ได้ เนื่องจากเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า ชาวบ้านกลุ่มนี้มีรายได้เดือนละเกือบสี่แสนบาท ตกปีละหลายล้านบาท ทั้งที่ชาวบ้านกลุ่มนี้ไม่ได้มีงานทำประจำ และมีอาชีพหลักด้านเกษตรกรรมเท่านั้น

โดยชาวบ้านให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า เมื่อหลายปีก่อน มีผู้มาขอสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของชาวบ้าน โดยอ้างว่าจะนำไปลงทะเบียนให้ชาวบ้านได้รับสิทธิ์เงินช่วยเหลือเป็นจำนวนเงินปีละ 300 บาท

โดยชาวบ้านจะต้องนำสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน มามอบให้กับเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเป็นประจำทุกปี เพื่อแลกกับเงิน 300 บาท ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่จำนวนกว่า 30 คน ก็หลงเชื่อ นำสำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านไปให้กับเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว

กระทั่งเมื่อชาวบ้านกลุ่มนี้ไปยื่นขอรับสิทธิ์บัตรประชารัฐ จากทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรอำเภอเลาขวัญ เจ้าหน้าที่จึงตรวจพบว่า ชาวบ้านกลุ่มนี้มีบันทึกรายรับ เป็นเงินเดือนตกเดือนละหลายแสนบาท ทำให้มีรายได้มากเกินกว่าคุณสมบัติที่จะสามารถขอรับสิทธิ์บัตรประชารัฐได้

ชาวบ้านกลุ่มนี้จึงเดินทางมาขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่สรรพากรจังหวัด ให้ช่วยตรวจสอบแหล่งที่มาของเงิน ที่ระบุเป็นรายรับของชาวบ้าน ว่ามาจากบริษัทใดและเป็นเงินรายได้จากอะไรกันแน่ พร้อมกันนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังให้ชาวบ้านจัดทำบันทึกปฏิเสธเงินรายรับดังกล่าว เพื่อแสดงว่าชาวบ้านไม่ได้รับเงินจำนวนตามที่ระบุในเอกสารดังกล่าวแต่อย่างใด

ด้านเจ้าหน้าที่สรรพากรจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น น่าจะมาจากการที่บริษัทซึ่งได้รับเอกสารสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านของชาวบ้านกลุ่มดังกล่าว นำเอกสารไปใช้ในการเบิกจ่ายเป็นรายได้ของบริษัท เพื่อที่จะนำไปหักภาษีของทางบริษัท โดยที่ชาวบ้านไม่ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวจริง

ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่าชาวบ้านกลุ่มนี้ไม่ได้รับเงินจริง และทางบริษัทนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ เพื่อหลบเลี่ยงการจ่ายภาษี ก็จะดำเนินการทางกฎหมาย กับบริษัทดังกล่าวต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน