นำร่อง 6 สถาบันวิทยาลัยชุมชน จัดหลักสูตรสอดคล้องกับความต้องการของจังหวัด สร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ เพื่อผลิตคนให้ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานในท้องถิ่น

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

วันที่ 8 ก.พ.ที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) ศ.(พิเศษ)ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.อว. เป็นประธาน ลงนามความร่วมมือระหว่างสถาบันวิทยาลัยชุมชน(วชช.) กับ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย โดย ศ.(พิเศษ)ดร.เอนก กล่าวว่า วิทยาลัยชุมชน เป็นสมาชิกใหม่ของ อว. เร็วๆ นี้ได้รับมอบหมายให้ทำงานใหม่ คือด้านการสร้างช่างศิลปท้องถิ่น เพื่อสร้างศิลปวัฒนธรรม และวิชาชีพ ให้จังหวัดและส่งเสริมการท่องเที่ยว การลงนามความร่วมมือถือเป็นเรื่องน่ายินดี เพราะสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จะได้ใช้ประโยชน์จากวิทยาลัยชุมชน สร้างความรู้ใหม่เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านศิลปวัฒนธรรมไปจนถึงอุตสาหกรรมศิลป

ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมของประเทศไทยดีขึ้น ประเทศไทยมีบริษัทเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ จำนวนไม่น้อย ถือว่าทำเรื่องสำ เพราะถ้าประเทศมีแต่ธุรกิจขนาดใหญ่ ประเทศไทยจะไปไม่รอด ดังนั้น เอสเอ็มอี หรือ สตาร์ทอัพ จึงสำคัญมาก แต่ขอให้ใช้วิทยาการให้มากขึ้น อย่าใช้แต่ความเคยชิน

ด้าน ดร.สิริกร มณีรินทร์ นายกสภาสถาบันวิทยาลัยชุมชน กล่าวว่า สถาบันวิทยาลัยชุมชน มีอายุครบ 17 ปี กำลังเข้าสู่ปีที่ 18 ถือว่ายังเป็นวัยรุ่น มีวิทยาลัยชุมชน 20 แห่งตั้งอยู่ตามพื้นที่ชายแดนชายขอบที่ยากจนที่สุดของประเทศ มีนักศึกษาประมาณ 1.4 หมื่นคน ระดับอนุปริญญา ทั้งนี้ ความร่วมมือกับสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ.2564 ถึง วันที่ 30 ธ.ค.2566 หรือระยะเวลา 2 ปี 10 เดือน โดยจะมีการจัดทำหลักสูตรการเรียนการสอนร่วมกันเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของจังหวัด เพื่อผลิตคนสู่ท้องถิ่นที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงานในท้องถิ่น

เบื้องต้นจะมีการนำร่องความร่วมมือใน 6 จังหวัดที่มีวิทยาลัยชุมชน ได้แก่ แพร่ บุรีรัมย์ หนองบัวลำภู ยโสธร ตราด และสงขลา ส่วนอีก 14 แห่งที่เหลือจะมีการ ขยายพื้นที่ดำเนินการตามที่จะตกลงร่วมกันต่อไป

นอกจากนำร่อง 6 แห่งในส่วนของวิทยาลัยชุมชนแล้ว สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ยังจะสนับสนุนการทำงานของนักศึกษาที่ศึกษาในพื้นที่ข้างเคียง รวมทั้งนอกพื้นที่นำร่องอีก 5 จังหวัด ได้แก่ ลำปาง ชุมพร สุราษฎร์ธานี กาญจนบุรี และอุดรธานี ด้วย สถาบันฯ คาดหวังว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้ สถาบันฯ สามารถผลิตนักศึกษาได้ตรงกับความต้องการของตลาด

“เท่ากับในระยะเริ่มต้นจะมีพื้นที่นำร่องในการดำเนินการ 11 พื้นที่ ได้แก่ แพร่ บุรีรัมย์ หนองบัวลำภู ยโสธร ตราด สงขลา ลำปาง ชุมพร สุราษฎร์ธานี กาญจนบุรี และอุดรธานี โดยทั้ง 11 พื้นที่ วิทยาลัยชุมชนและสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย จะทำงานเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติประเด็นการพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต และยุทธศาสตร์ของ อว. เรื่อง การยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจฐานรากด้วย อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อววน.)

โดยมีเป้าหมาย คือ การพัฒนาวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิต โดยมีตัวชี้วัด คือ จำนวนชุมชน/ท้องถิ่นที่ อววน. เข้าไปช่วยพัฒนา” นายกสภาสถาบันวิทยาลัยชุมชน กล่าว

ขณะที่ ดร.ณพพงศ์ ธีระวร ประธานกิตติมศักดิ์สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า สมาพันธ์ฯ มีเครือข่ายเอสเอ็มอี ใน 76 จังหวัดและลงลึกไปในระดับอำเภออีก 882 แห่งและมีการดำเนินการไปถึงระดับชุมชน ความร่วมมือในครั้งนี้ คือ 1.จะนำกลไกของสมาพันธ์ไปร่วมวางแผนจัดทำหลักสูตรให้สอดคล้องกับชุมชน

2. นำนักศึกษาวิทยาลัยชุมชนมาฝึกอบรม ฝึกงานกับสมาพันธ์ฯ เพราะการจะเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้ จะต้องมีจิตวิญญาณของความเป็นผู้ประกอบการ มีประสบการณ์การทำงาน ซึ่งไม่สามารถสอนในห้องเรียนได้ ต้องมาทำงานร่วมกัน และ 3.หลังสิ้นสุดความร่วมมือนักศึกษาวิทยาลัยชุมชน สามารถมี 3 ทางเลือก คือ 1.เป็นผู้ประกอบการหน้าใหม่ 2.ไปทำงานในองค์กรของรัฐ เอกชน และ 3.ไปเรียนต่อ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน