ทส.ระดมทุกหน่วยงาน กรมทรัพยากรน้ำ-น้ำบาดาล เร่งช่วยภัยแล้งโคราชและพิจิตร เน้นจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ทั้งใต้ดินและผิวดิน พัฒนาแหล่งน้ำช่วยภัยแล้ง

เมื่อวันที่ 4 มี.ค. นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี โฆษกกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ภัยแล้งได้ขยายวงกว้างครอบคลุมหลายพื้นที่ อาทิ จ.นครราชสีมา ซึ่งประสบกับปัญหาขาดแคลนน้ำสำหรับใช้ในการอุปโภคบริโภค และเพื่อการเกษตร ด้านจ.พิจิตร ก็ประสบปัญหาปริมาณน้ำในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำยมแห้งขอด ทำให้ชาวบ้านขาดแคลนน้ำใช้ในการอุปโภคบริโภค และเพื่อการเกษตรเช่นกัน

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

ทั้งนี้ ทส. ได้บูรณาการบริหารจัดการน้ำทั้งน้ำใต้ดินและน้ำผิวดิน โดยในจ.นครราชสีมา หมู่บ้านโนนกราด ต.ลำคอหงษ์ อ.โนนสูง สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 5 กรมทรัพยากรน้ำ สำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 5 กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และอบต.ลำคอหงษ์ ได้ดำเนินการสูบน้ำเข้าพื้นที่เพื่อเป็นน้ำต้นทุนก่อนเข้าฤดูแล้งแล้วกว่า 195,600 ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) รวมทั้งพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อเป็นแหล่งรองรับน้ำในช่วงฤดูฝนด้วย

จากการประสานอบต.ลำคอหงษ์ ทราบว่า แหล่งน้ำชุมชนแห่งนี้เป็นน้ำดิบเพื่อการผลิตระบบประปาและสนับสนุนน้ำเพื่อการเกษตรแก่ประชาชนบ้านโนนกราด จำนวน 3 หมู่บ้าน คือ ม.7, ม.10 และม.12 โดยอบต.ยืนยันว่าปริมาณน้ำที่มียังคงเพียงพอและไม่เข้าสู่ขั้นวิกฤต จึงยังไม่ได้ร้องขอการสนับสนุนเครื่องมือและบุคลากรเพิ่มเติมเข้ามายังหน่วยงานในพื้นที่ ซึ่งหากมีการร้องขอเข้ามา ก็สามารถลงพื้นที่ดำเนินการช่วยเหลือได้ทันที

สำหรับแหล่งน้ำธรรมชาติเป็นสระน้ำในหมู่บ้านสระหนองกุ่ม ซึ่งทางอำเภอได้ของบประมาณดำเนินโครงการบรรเทาปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมในพื้นที่จ.นครราชสีมา งบประมาณ 420,000 บาท ดำเนินการขุดลอกเสร็จแล้ว และสามารถใช้กักเก็บน้ำฝนในช่วงฤดูฝนที่กำลังจะมาถึงและสามารถกักเก็บน้ำได้ ส่วนในระยะยาวได้ลงพื้นที่สำรวจเพิ่มเติมให้มีน้ำต้นทุนเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคและการเกษตรตลอดทั้งปีอย่างยั่งยืน

การพัฒนาแหล่งน้ำบาดาล ว่า ศักยภาพน้ำบาดาลในพื้นที่มีความเค็ม ไม่เหมาะกับการเจาะน้ำบาดาล เห็นควรใช้วิธีผันน้ำจากอีกหมู่บ้าน แบบที่ใช้อยู่ปัจจุบัน และอาจมีการสร้างแหล่งน้ำผิวดินสำรองเพิ่มเติม ส่วนการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้น อบต.ได้ดำเนินการแก้ไขโดยส่งน้ำจากระบบประปาบ้านหนอง เครือชุด หมู่ 7 ระยะทาง 1 กิโลเมตร ได้ใช้อย่างเพียงพอแล้ว

นอกจากนี้ในพื้นที่จ.นครราชสีมา ทส.ได้ดำเนินโครงการด้านแหล่งน้ำ งบประจำปี 2563-2564 และงบกลาง 2563 รวม 14 แห่ง ขณะนี้แล้วเสร็จ 3 แห่ง หากดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมด จะสามารถเพิ่มน้ำต้นทุนได้ถึง 6.44 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่เกษตรกรรมได้รับประโยชน์ 25,174 ไร่ และประชาชนได้รับประโยชน์ 5,353 ครัวเรือน

สำหรับพื้นที่จ.พิจิตร นายปิ่นสักก์ กล่าวว่า สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 9 และสำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 7 ดำเนินโครงการด้านแหล่งน้ำ ปีงบประมาณ 2563 – 2564 และงบกลางปี 2563 รวม 6 แห่ง แล้วเสร็จ 1 แห่ง หากดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมด จะสามารถเพิ่มน้ำต้นได้ถึง 4.02 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่เกษตรกรรมได้รับประโยชน์ 4,025 ไร่ และประชาชนได้รับประโยชน์ 2,731 ครัวเรือน ส่วนพื้นที่บ้านบ้านวังลูกช้าง ต.สามง่าม อ.สามง่าม จ.พิจิตร อยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของกรมชลประทาน

ส่วนการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาล พบว่า ชาวบ้านในพื้นที่ไม่ได้เดือดร้อนหรือขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคแต่อย่างใด ปัจจุบันใช้น้ำจากระบบประปาบาดาลในหมู่บ้านวังลูกช้าง ม.8 เพียงพอต่อความต้องการของชาวบ้านทุกคนประมาณ 110 หลังคาเรือน ส่วนน้ำเพื่อการเกษตรใช้จากบ่อบาดาลของชาวบ้านเอง โดยเจาะที่ความลึก 40-60 เมตร อาชีพหลักของชาวบ้าน คือ ทำนา (หน้าฝน) พื้นที่หมู่บ้านเป็นพื้นที่รับน้ำท่วม หน้าน้ำจะน้ำท่วม ชาวบ้านจะทำอาชีพเสริม คือ ประมงในแม่น้ำยม

ทส. ได้จัดทำแผนปฏิบัติการบรรเทาภาวะน้ำแล้งอย่างต่อเนื่อง โดยสนับสนุนศูนย์ผลิตน้ำสะอาด 7 จุด ติดตั้งจุดแจกจ่ายน้ำ 136 จุด จุดสูบน้ำช่วยน้ำแล้ง 190 จุด เครื่องสูบน้ำ 295 เครื่อง รถบรรทุกน้ำ 28 คัน อ่างเก็บน้ำ 65 แห่ง สถานีเตือนภัยน้ำหลาก-ดินถล่ม 1,547 สถานี สถานีโทรมาตร 336 สถานี สถานีกล้องซีซีทีวี 139 สถานี และสถานีอุตุ-อุทกวิทยา 378 สถานี บุคลากรเตรียมพร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์ 146 คน ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่เตรียมพร้อมจำนวน 258 คน และผู้รู้รวม 1,547 คน

ที่ผ่านมา ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 63 – 1 มี.ค. 64 ได้สูบน้ำช่วยเหลือประชาชน ปริมาณ 19,408,970 ลบ.ม. ปริมาณการแจกจ่ายน้ำ 1,751,226 ลิตร แจกจ่ายน้ำดื่มบรรจุขวด 8,632 ขวด ประชาชนได้รับประโยชน์แล้ว 354,314 ครัวเรือน สนับสนุนน้ำให้พื้นที่การเกษตร 148,776 ไร่

นอกจากนี้ได้ดำเนินโครงการจัดหาน้ำต้นทุนและระบบกระจายน้ำ สนับสนุนพื้นที่เกษตรกรรม และน้ำต้นทุนสำหรับอุปโภค-บริโภค (น้ำต้นทุนประปาหมู่บ้าน) ในพื้นที่นอกเขตชลประทาน โดยการขุดลอก ปรับปรุง ซ่อมแซม แหล่งน้ำและก่อสร้างระบบกระจายน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปีงบประมาณประจำปี 2563 – 2564 และงบกลางปี 2563 รวมจำนวน 560 แห่ง ในพื้นที่ที่เหมาะสมและมีศักยภาพทั่วประเทศ (ในภารกิจของกรมทรัพยากรน้ำ) ซึ่งขณะนี้ดำเนินการแล้วเสร็จแล้วจำนวน 181 แห่ง อยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน 379 แห่ง

หากดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมด จะสามารถเพิ่มน้ำต้นได้ถึง 323.78 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่เกษตรกรรมได้รับประโยชน์ 490,305 ไร่ และประชาชนได้รับประโยชน์ 153,759 ครัวเรือน

“ท้ายนี้ ประชาชนสามารถขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับปัญหาด้านทรัพยากรน้ำ และน้ำบาดาล ได้ที่ สายด่วน 1310 และศูนย์เฉพาะกิจช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ภัยแล้ง โทรศัพท์ 0 2666 7000 กด 1 หรือ 09 5949 7000 ตั้งแต่เวลา 08.30-18.30 น. ทุกวัน จนกว่าจะสิ้นสุดสถานการณ์ภัยแล้ง หรือรับแจ้งผ่านระบบออนไลน์” นายปิ่นสักก์ ระบุทิ้งท้าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน