ศาลอุทธรณ์ยืนประหารชีวิตมือยิงนักเรียน ม.4 สั่งชดใช้ 2 ครอบครัวโจทย์ 2.8 ล้าน ครอบครัวเหยื่อพอใจ เผยยังห่วงความปลอดภัย ไม่กล้าไปไหน

เมื่อวันที่ 10 เม.ย.64 ที่ศาลจังหวัดตรัง ศาลอุทธรณ์ภาค 9 อ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการเป็นโจทย์ยื่นฟ้อง นายธีรยุทธ หรืออ้น สมสู่ อายุ 52 ปี ชาว ต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง ในข้อหาฆ่า พยายามฆ่า ผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนแก่พฤติการณ์

โดย นายธีรยุทธ หรืออ้น สมสู่ ตกเป็นผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิง นายธีรวัฒน์ (น้องนิว) บูรณ์ชะนะ อายุ 16 ปี อดีตนักเรียนชั้นม.4 โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองตรัง และพยายามฆ่า นายรัชพล กลับจิตร อายุ 42 ปี ซึ่งมีปัญหาขัดแย้งกันเพียงประมาณ 2-3 วัน แต่นายรัชพลได้รับบาดเจ็บ และวิ่งหนีเอาตัวรอดมาได้

ส่วนน้องนิว ซึ่งไม่ใช่คู่ขัดแย้ง กลับถูกฆ่าปิดปากเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เมื่อคืนวันที่ 2 ธ.ค.61 บริเวณถนนในหมู่บ้าน หมู่ที่ 5 ต.นาโต๊ะหมิง อ.เมือง จ.ตรัง โดยมี นายอนันต์-นางสอง บูรณ์ชะนะ พ่อแม่ของน้องนิว รวมทั้ง นายรัชพล พร้อมพี่เขย และพี่สาว เดินทางไปรับฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง ส่วนครอบครัวฝ่ายจำเลยไม่มีใครเดินทางไปรับฟังคำพิพากษาแม้แต่คนเดียว

ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า คำพิพากษาตัดสินของศาลชั้นต้น พิจารณาตามคำให้การของหลายฝ่าย ทั้งผู้เสียหาย รวมทั้งพยานต่างๆ แล้วเห็นว่า จำเลยกระทำความผิดจริง และเป็นการกระทำอย่างโหดเหี้ยมกับคนอื่น ที่ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน และยังเป็นเยาวชน มีครอบครัวและมีอนาคตที่ดี ศาลอุทธรณ์จึงมีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นทุกประการ โดยตัดสินประหารชีวิต และให้จำเลย (นายธีรยุทธิ์) ชดเชยค่าเสียหายให้กับ นายรัชพล เป็นจำนวนเงิน 7 แสนบาท ส่วนครอบครัวน้องนิว ศาลได้พิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน 2 ล้าน 1 แสนบาท

หลังรับฟังแล้ว ผู้เสียหายและครอบครัวของทั้ง 2 คน ต่างรู้สึกดีใจและพอใจคำตัดสินของศาลที่ให้ความเป็นธรรม โดย นายอนันต์ พ่อของน้องนิว (ซึ่งเสียชีวิต) กล่าวว่า การเข้ารับฟังในวันนี้ศาลใช้เวลาไม่นานในการอ่านคำพิพากษา และพอใจคำตัดสินของศาลที่สั่งประหารชีวิตผู้ก่อเหตุยืนตามศาลชั้นต้น และสั่งชดใช้เช่นเดียวกับศาลชั้นต้น โดยในวันนี้มีแต่ฝ่ายพวกตนเข้ารับฟังคำตัดสิน ส่วนฝ่ายจำเลยไม่มีใครเดินทางมารับฟังคำพิพากษาแม้แต่คนเดียว แต่ทราบจากศาลว่าทางฝ่ายจำเลยอาจจะยื่นฏีกาต่อไป ซึ่งก็เป็นไปตามสิทธิ แม้จะเห็นชัดเจนแล้วว่า ศาลพิพากษาไปตามเหตุพยานหลักฐาน

แต่แม้ว่าฝ่ายจำเลยจะยื่นฎีกา พวกตนก็จะสู้ต่อไป และเชื่อว่าหากมีการยื่นศาลฎีกาจริง พวกตนก็จะยังคงเป็นฝ่ายชนะคดี เพราะลูกตนเป็นฝ่ายถูกกระทำ และเชื่อมั่นในศาลยุติธรรม แต่หากคดีสิ้นสุดก็เป็นห่วงว่า จำเลยอาจได้รับการเสนอชื่อให้ได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษ เหมือนกับนักโทษหลายๆ คนที่ศาลตัดสินประหารชีวิต และได้รับการลดหย่อนโทษในวาระต่างๆ สุดท้ายจะติดคุกไม่กี่ปีก็ออกมา โดยตนเกรงว่าหากมีการลดหย่อนโทษในวันหน้า จำเลยจะออกมาทำร้ายพยาน คือ นายรัชพล ซึ่งรอดชีวิตมาเป็นพยานปากเอกได้

เช่นเดียวกับ นายรัชพล กล่าวว่า ตนพอใจในคำตัดสินของศาลที่สั่งประหารชีวิตยืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ทั้งนี้ หากฝ่ายจำเลยยื่นฎีกาพวกตนก็จะต่อสู้ให้ถึงที่สุด เชื่อศาลจะตัดสินเช่นเดียวกัน แต่หากคดีสิ้นสุดเมื่อใด สิ่งที่ตนเป็นห่วงคือ โทษประหารชีวิตจะไม่ได้รับการประหารจริง แต่กลัวจำเลยจะได้รับการลดหย่อนโทษออกมาข้างนอก แล้วไปทำกับคนอื่นอีก

ส่วนตัวตอนนี้ก็ยังไม่กล้าไปไหน ต้องอยู่แต่กับบ้านรอจนกว่าคดีจะสิ้นสุด เพราะยังกลัวความไม่ปลอดภัย ส่วนการคุ้มครองพยานตอนนี้ไม่มีแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ให้ตนเก็บหลักฐานไว้ หากมีใครมาข่มขู่คุกคามอีก ซึ่งขณะนี้ก็มี เช่น การขับรถมาจอดหน้าบ้าน เวียนหน้าบ้าน รวมทั้งหน้าบ้านพี่สาว และมีสายเบอร์แปลกๆ โทรเข้ามือถือ แต่ตนไม่รับ และหลักฐานยังไม่ชัด ซึ่งหากมีหลักฐานชัด ตนจะสามารถยื่นขอรับการคุ้มครองพยานได้อีก

อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นในคืนวันที่ 2 ธ.ค.61 โดยหลังเกิดเหตุแม้พยานปากสำคัญ ซึ่งเป็นเป้าหมายของผู้ก่อเหตุ รอดชีวิตมาได้ และให้การยืนยันคนร่วมกระทำการ แต่ระยะเวลาผ่านไปเป็นเวลานาน ทางตำรวจก็จับคนร้ายไม่ได้ ทางครอบครัวต้องยื่นหนังสือติดตามคดีหลายครั้ง แต่ไม่เป็นผล และถูกสังคมตั้งคำถามว่าตำรวจให้ความช่วยเหลือมือปืน จนกระทั่งวันที่ 6 มิ.ย.62 ครอบครัวผู้เสียหายทั้ง 2 ราย จึงต้องเดินทางไปร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ขณะนั้น)

เนื่องจากคดีไม่มีความคืบหน้า และถูกฝ่ายผู้ต้องหา ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ใช้เส้นสายตำรวจและผู้นำในพื้นที่ข่มขู่คุกคาม และให้ความช่วยเหลือ จน พล.ต.อ.ศรีวราห์ สั่งการให้เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาให้ได้ภายใน 15 วัน ปรากฏว่าผ่านไปได้ 7 วัน (คือวันที่ 13 มิ.ย.62) เจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุม นายธีรยุทธ์ได้ดังกล่าว จนกระทั่งเข้าสู่กระบวนการศาล โดยศาลชั้นต้นพิพากษาตัดสินประหารชีวิต เมื่อวันที่ 1 เม.ย.63 และศาลอุทธรณ์ก็มีคำพิพากษาตามมา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน