วันที่ 20 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ ส่งผลให้จังหวัดระนองมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ปริมาณน้ำฝนที่ตกต่อเนื่อง 48 ชั่วโมง เขตพื้นที่ อ.เมืองระนอง วัดได้รวม 228.4 มิลลิเมตร

 

201610210117162-20120716160851
ส่งผลให้ปริมาณน้ำในสระวังปลา ซึ่งเป็นอดีตขุมเหมืองเก่า เนื้อที่กว่า 5 ไร่ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ภายในวัดบ้านหงาว ต.หงาว อ.เมืองระนอง รองรับน้ำมากกว่าปกติจนล้นออกจากสระเข้าท่วมในพื้นที่วัดหงาว สูงประมาณ 50 เซนติเมตร ประตูน้ำที่สร้างเป็นฝายกั้นน้ำพังเพราะไม่สามารถทนแรงอัดของน้ำได้ ทั้งน้ำและปลาน้ำจืดหลายชนิด น้ำหนักร่วม 10 ตัน ทะลักลงสู่คลองหงาว

นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผวจ.ระนอง ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งชลประทานจังหวัดระนอง, และหน่วยงานส่วนท้องถิ่น เร่งลงพื้นที่ในช่วงค่ำ ทั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนองนำรถแบคโฮ เข้าตักดินเพื่อกั้นทางระบายทางน้ำ ที่เซาะดินข้างประตูน้ำขาด พร้อมนี้รถบรรทุกทรายจากเทศบาลเมืองระนอง เข้ามาร่วมนำทรายมากอง เพื่อเตรียมบรรจุใส่ถุงกระสอบบิ๊กแบ็ก และนำไปกั้นทางน้ำเป็นเขื่อนชั่วคราว เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ไม่ให้ปลาที่เหลืออยู่หลุดลงสู่คลอง เพราะหากหลุดไปปลายน้ำจะเป็นทะเลปลาน้ำจืดจะตายหมด

ขณะที่พระอาจารย์บุญชนะ อธิฎฐาโน ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบ้านหงาว กล่าวว่า กุฎิพระหลายหลังข้างริมสระน้ำ ถูกท่วมหมดทุกหลัง ไม่เคยพบมาก่อนว่าฝนจะตกแรงมากขนาดนี้ เลยใช้เด็กวัดมาดูประตูน้ำว่ามีขยะอุดตันหรือไม่เพราะน้ำไหลไม่ทัน พอเด็กวัดกลับมารายงานว่าเอาไม่ทันแล้วอาจารย์ ก็รีบมาดู จนพบว่าฝายกั้นน้ำพังต่อหน้าต่อตา น้ำทะลักออกข้างก่อนและล้นหลังเขื่อน กัดเซาะดินคอสะพานจนขาดและต้นไม้ล้ม จึงรีบแจ้งหน่วยงานต่างๆ มาช่วยกันดู ซึ่งตัวเขื่อนในขณะนี้ก็หักพังลงมาแล้ว ส่วนปลาที่อยู่ในสระก็ออกไปหลายสิบตัน ปลาบึกที่เลี้ยงไว้ให้คนมาดูมาชม รวมทั้งตะพาบน้ำตัวใหญ่ๆ ตัวประมาณ 30 กิโลกรัม ก็ออกไป รวมทั้งปลาตะเพียนแดง ปลานิลแดง และปลานิลดำ ในสระใหญ่ออกไปหมด สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน