เมื่อวันที่ 19 พ.ย. เจ้าหน้าที่ทหารจากกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดเชียงใหม่ (กกล.รส.เชียงใหม่) สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 5 ปฏิบัติการตรวจยึดอาวุธสงคราม เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยนำกำลังบุกตรวจค้นบ้านเลขที่ 166/5 ม.7 ต.ชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่ พร้อมทั้งจับกุมตัวนายอัครา ภัทรทวีกุล อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107 ม.1 ต.เวียง อ.เชียงคำ จ.พะเยา ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาพัวพันกับคดีลักลอบค้าอาวุธสงคราม

สืบเนื่องจากการขยายผลจับกุมการลักลอบค้าอาวุธสงครามเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยกกล.รส.ลำพูน ซึ่งเข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายบ้านไม่มีเลขที่ บ้านจำขี้มด ต.ศรีบัวบาน อ.เมือง จ.ลำพูน และจับกุมตัวนายประชัน จะวะนะ อยู่บ้านเลขที่ 12/3 ตำท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งรับเป็นเจ้าของบ้าน พร้อมอาวุธปืน อุปกรณ์ และกระสุนปืนเพียบ จากการสอบสวนยังพบว่ามีตัวการใหญ่ยังลอยนวล ระบุเป็นชาวไทใหญ่ ซึ่งเป็นคนนำของกลางทั้งหมดเข้ามา โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป

สำหรับปฏิบัติการในครั้งนี้ สามารถตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย ปืนกลมือ ยี่ห้อชูตเตอร์ รุ่น เอ็ก9 ขนาด 9 มม. พร้อมซองกระสุน 2 ซอง เครื่องกระสุน 9 มม. จำนวน 23 นัด, กล่องใส่ปืนซุ่มยิง 4 กล่อง, ลูกระเบิดขว้าง 5 ลูก คือ แบบ เค75 จำนวน 2 ลูก และแบบ เอ็ม26 เอ2 จำนวน 3 ลูก, เครื่องยิง กปรส.82 จำนวน 2 กระบอก พร้อมจรวดขนาด 82 จำนวน 4 นัด, ขาตั้งเครื่องยิง กปรส. 2 ชุด, ขาหยั่งปืนกล 1 ชุด, ขาหยั่งปืนไรเฟิ่น 15 ชุด

เครื่องมือปืนควบปืนกล 1 ชุด, เหล็กคัดปลอกกระสุนปืนกล ขนาด 7.62 จำนวน 1 ชิ้น, ซองกระสุน เอเค47 จำนวน 2 ซอง, ซองกระสุน เอ็ม16 จำนวน 2 ซอง, กล่องใส่ลูกระเบิดมือ 26 กล่อง, ดินขับ พีจี7 จำนวน 8 แท่ง, กล่องใส่ลูก อาร์พีจี7 จำนวน 1 กล่อง, คันรั้งปืนกล 1 ชุด และไม้ประดู่แปรรูป ขนาดต่าง ๆ 20 แผ่น ดำเนินคดีในข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย (อาวุธสงครามและวัตถุระเบิด) และมีไม้กระยาเลยแปรรูป (ไม้ประดู่) ไว้ในความครอบครองเกิน 0.20 ลบ.ม. โดยไม่ได้รับอนุญาต

จากการจับกุมตัวผู้ต้องหา ทางเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนขยายผลถึงที่มาของอาวุธสงครามและสิ่งผิดกฎหมายทั้งหมดที่สามารถตรวจยึดได้จากทางนายประชัน จนกระทั่งทราบว่า ของกลางเหล่านี้ได้มี นายอัครา โดยปัจจุบันทำงานที่ปางช้างแม่วาง อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ได้นำมาฝากไว้เมื่อประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากได้รู้จักกับนายอัครามาได้ประมาณ 2 ปีแล้ว และติดต่อทำธุรกิจร่วมกัน กระทั่งต่อมานายอัคราได้ติดต่อขอนำอาวุธมาฝากไว้ โดยขนอาวุธมาในรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีเทาดำ เพื่อเตรียมจะนำอาวุธไปส่งในพื้นที่ชายแดน อ.เวียงแหง หรืออ.ฝาง หรือ ในพื้นที่หนองอุก บ้านอรุโณทัย ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ส่วนปืนกลนั้นได้รับมาจากประเทศจากกัมพูชาเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา

เมื่อทราบดังนั้น ทางเจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือของนายประชันและแอพพลิเคชั่นไลน์ ซึ่งเป็นบทสนทนากับนายอัคราก็พบว่ามีการพูดคุยและมีข้อความติดภาพอาวุธเพื่อต่อรองราคาซื้อขายกัน ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดพร้อมนำกำลังเข้าจับกุมนายอัครา ที่ปางช้างแม่วาง โดยแสดงหลักฐานให้กับนายอัคราได้รับทราบ และนำตัวมาสอบสวนที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5

จากการสอบสวนนายอัครา ให้การว่า อาวุธสงครามที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้ก่อนหน้านี้ เป็นของ “นายแสง” ซึ่งตนได้รับฝากไว้ โดยมีค่าจ้างในการรับฝาก อีกทั้ง ยังยอมรับว่าที่ผ่านมา ได้เคยรับฝากกับทาง “นายแสง” มาแล้วถึง 3 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดคือช่วงต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังรับสารภาพด้วยว่า ได้เก็บซ่อนลูกปืนอาก้า 1,000 กว่านัด, พานท้าย เอ็ม16 และอะไหล่ เอ็ม16 อีกจำนวนหนึ่งไว้ที่บ้านเลขที่ 166/5 ม.7 ต.ชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่

เมื่อทราบดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว ตามที่ทางผู้ต้องหาได้ให้ข้อมูลมา โดยผลการตรวจค้นก็พบของกลางตามที่ผู้ต้องหาได้ระบุไว้ข้างต้น นอกจากนี้ ยังมีของกลางจำนวนมากกว่าที่ผู้ต้องหาได้รับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมของกลางทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน และนำมากลับมาตรวจสอบที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5

อย่างไรก็ตาม จากการขยายผลครั้งนี้ยังทราบว่า “นายแสง” ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการนี้เป็นชาวไทใหญ่ อายุ 37 ปี สูงประมาณ 164 เซนติเมตร ขับรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ 4 ประตู ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการรวบรวมหลักฐานเพื่อใช้เป็นเบาะแสในการติดตามตัวและจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน