เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 20 พ.ย. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ชาวบ้านแม่ลา ม.6 ต.เสนา อ.อุทัย จ.พระนครศีอยุธยา เดินทางเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อพ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม หลังจากโดนกลุ่มนายทุนขับไล่ให้ออกจากพื้นที่อยู่อาศัย จำนวน 9 หลังคาเรือน ได้รับความเดือดร้อนกว่า 50 ชีวิต ซึ่งต้องไร้ที่อยู่อาศัย

น.ส.ปาลพัชน์ หาวิธี ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า จากที่ดินที่ตนอยู่อาศัยนั้น อยู่มาตั้งแต่ปู่ย่า ตายาย จนมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลานและครอบครองมากว่า 70 ปี โดยมีที่ดินอยู่ 11 ไร่ 3 งาน 66 ตารางวา ซึ่งที่ดินดังกล่าว มีการซื้อที่ดินตั้งแต่ปี พ.ศ.2488 โดยมีโฉนดที่ดินออกถูกต้องตามกฎหมาย โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าพนักงานที่ดินประทับตราลงนามเรียบร้อยตั้งแต่ปี 2521 โดยมีตราครุฑแดง มีหลักหมุด หลัดเขตที่ชัดเจน ชาวบ้านใช้พื้นที่ทำมาหากิน ทำอาชีพเกษตรกร แต่เมื่อมีกลุ่มนายทุนตำแหน่งสูงมาแจ้งตนว่าต้องย้ายออกจากพื้นที่ เนื่องจากพื้นที่ที่ตนอาศัยอยู่ไปรุกร้ำพื้นที่ของกลุ่มนายทุน

น.ส.ปาลพัชน์ กล่าวต่อว่า เมื่อปี 2548 มีกลุ่มนายทุนมาครอบงำพื้นที่ของตน แต่ตนไม่ได้เอะใจอะไร เพราะโฉนดที่ดินแจ้งไว้ว่ามี 11 ไร่ เท่าเดิม ตนจึงเกิดความสงสัยเนื่องจากตนมีโฉนดที่ดินที่มีตราครุฑแดงประทับอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และก่อนหน้านี้ชาวบ้านยังเคยนำพื้นที่ดังกล่าวไปจำนองกับธนาคารหรือไปทำเรื่องเกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็มีการอนุมัติถูกต้องตามกฎหมายทุกครั้ง

ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวอีกว่า ดังนั้น ในวันนี้พวกตนจึงมาขอความเป็นธรรม อยากให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบพื้นที่จริงว่าพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่ของใคร โฉนดที่ดินที่มีตราครุฑแดงนั้น ใช้ได้จริงหรือไม่ เพราะขณะนี้ชาวบ้านในพื้นที่ จำนวน 9 หลังคาเรือน ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่มีที่อยู่อาศัยและต้องย้ายออกจากพื้นที่ภายในวันที่ 19 ธ.ค.นี้

ด้าน พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า ตนจะรับเรื่องราวร้องทุกข์ไว้ โดยจะมอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปทำการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวทั้งหมด ทั้งพื้นที่ที่ถูกครอบงำด้านโฉนดที่ดิน ซึ่งระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบนั้น ชาวบ้านจะต้องย้ายออกจากพื้นที่ดังกล่าวภายในวันที่ 19 ธ.ค.นี้ เนื่องจากคำสั่งศาลเป็นคำสั่งที่สูงสุด อีกทั้ง เรายังไม่มีเหตุผลอื่นมาแย้ง แต่หากมีหลักฐานที่สำคัญเพิ่มเติมจะทำการตรวจสอบและยื่นเรื่องอีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน