เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 869/394 ซอยสุขุมวิท101 ปุณวิถี 53 แขวงบางจาก เขตพระโขนง ซึ่งเป็นบ้านของน้องเต้ นายสุเมธี วิสุทธิคุณาธาร อายุ 23 ปี ผู้พิการซ้ำซ้อน ป่วยติดเตียง จากโรคกระดูกผิดรูปมาตั้งแต่เกิด โดยอาศัยอยู่กับ นางสมศรี วิสุทธิคุณาธาร อายุ 57 ปี ผู้เป็นแม่ ไม่ได้ทำงาน มีเพียงนายพลศักดิ์ วิสุทธิคุณาธา สามีขับรถรับจ้างหารายได้ 5,000 บาทต่อเดือน ซึ่งทางบ้านมีฐานะยากจน ส่วนบ้านที่อาศัยก็จะถูกเจ้าของที่ขายทิ้งจนไม่มีที่ซุกหัวนอน ทำให้ใช้ชีวิตแสนยากลำบาก

โดยในวันนี้ น.สชลธิชา เพ็ชรณสังกุล หรือ ลูกตาล อาร์สยาม, อากงเซียนแปะโรงสี และหน่วยงานจากภาครัฐ เดินทางมาเยี่ยมน้องเต้ พร้อมมอบสิ่งของช่วยเหลือและบริจาคเงิน เช่น แพมเพิร์ส, แผ่นรองนอน, และอุปกรณ์ที่จำเป็นให้อีกหลายอย่าง

น.ส.ชลธิชา กล่าวว่า ตนมีโอกาสเข้าไปช่วยเหลือในหลายๆที่ วันนี้ยินดีเดินทางมาที่นี่เนื่องจากตนได้รับข่าวมาจากคนใกล้ตัวว่าจะเดินทางเข้ามาเยี่ยมน้อง จึงคิดว่าวันนี้น่าจะได้มีภาพไปให้คนอื่น หรือเพื่อนๆที่อยากจะเข้ามาช่วยมากขึ้น เพราะบางคนอาจจะยังไม่รู้ วันนี้จึงเป็นการกระจายข่าวและนำของมาให้

นางสมศรี กล่าวว่า น้องเต้ไม่สบายมาตั้งแต่เกิด เนื่องจากน้องเกิดมาไม่มีหนังปิดเยื่อสมอง ทำให้สมองออกมากองข้างนอก แพทย์ศิริราชแจ้งว่าน้องจะอยู่ได้แค่ 3 วัน แต่ขณะนี้น้องอยู่มานานถึง 23 ปี และน้องสามารถสื่อสาร รับรู้ได้ทุกอย่าง

“แนวทางในการช่วยเหลือ เบื้องต้นมีผู้นำแพมเพิร์สและถุงยังชีพมามอบให้กับทางครอบครัว แต่ในระยะยาวต้องดูเรื่องของการใช้สิทธิ์คนพิการ สิทธิ์ของผู้ดูแล ซึ่งคุณแม่เป็นผู้ดูแล ไม่สามารถทิ้งน้องได้ ดังนั้นการใช้สิทธิ์ต่างๆ ต้องปรึกษาทั้งคุณพ่อและคุณแม่ ต้องเปลี่ยนผู้ดูแลจากคุณแม่เป็นคุณพ่อ เพื่อที่จะใช้สิทธิ์บัตรคนพิการตามกติกาได้ เพราะเนื่องจากพ่อเป็นบุคคลที่มีรายได้ ปัจจุบันคุณพ่อขับรถรับจ้าง รายได้ไม่มั่นคง มีกองทุนให้กู้ยืมซึ่งจะไม่มีดอกเบี้ย ในกรณีที่คุณพ่อกับคุณแม่จะประกอบอาชีพอื่นๆ ก็จะมีกองทุนตรงนี้ให้กู้ในวงเงินต่ำสุด 60,000 บาท และสูงสุด 120,000 บาท เพื่อใช้เป็นทุนในการประกอบอาชีพและใช้อิสระอื่นๆ โดยไม่มีดอกเบี้ย” นางสมศรี กล่าว

แม่น้องเต้ กล่าวอีกว่า “แม่อยากมีอาชีพค้าขายของชำเพื่อที่จะได้ดูแลน้อง หากตนทำอาชีพอื่น ก็จะไม่มีเวลาดูแลน้อง ตนต้องคอยพลิกตัวน้องอยู่ตลอด จึงอยากมีร้านขายของชำ ซึ่งจะต้องไปหาขายที่อื่น เนื่องจากพื้นที่ที่อาศัยอยู่นั้น หากนายทุนขายได้แล้ว ตนก็ต้องย้ายออกทันที ตอนนี้ได้รับความเดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่าย ที่จะต้องพาน้องไปโรงพยาบาล แต่ละครั้งค่าใช้จ่ายนั่งรถแท็กซี่ไป-กลับ 600 บาท โดยตนนั้นพาไปร้องโรงพยาบาลคนเดียว โดยจะต้องอุ้มน้องขึ้นรถ หากสามีไม่อยู่ก็ต้องขอความช่วยเหลือจากแท็กซี่ให้ช่วยอุ้มน้องเต้ขึ้นรถ และตนก็ให้ค่าตอบแทนเค้าเล็กน้อย”

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน