ป้าโร่แจ้งความ ถูกลูกสาวกำนัน หลอกซื้อหมู 8 ตัว ก่อนเบี้ยวเงินเกือบ 5 หมื่นบาท ไปตามที่บ้านก็ไม่มีใครรู้ สุดเดือดร้อน ต้องจำทองจำรถ หาเงินใช้หนี้

เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2564 ที่สภ.ปะคำ จ.บุรีรัมย์ นางสุที โพธิ์นางรอง อายุ 45 ปี เข้าแจ้งความกับตำรวจ หลังจากถูกสาว อายุ 32 ปี ลูกสาวกำนันดังหลอกซื้อหมู 8 ตัว รวมยอดเงิน 47,450 บาท เพื่อนำไปชำแหละขายที่เขียงหมูในตลาดสด อ.ปะคำ โดยรับปากว่าจะจ่ายเงินให้ภายใน 10 วัน แต่กลับเงียบหายไม่จ่ายเงินให้แม้แต่บาทเดียว

นางสุที กล่าวว่า ตนกับลูกสาวกำนันตกลงซื้อขายหมูกันในราคากิโลกรัมละ 65 บาท โดยหมู 8 ตัวมีน้ำหนักรวม 730 กิโลกรัม รวมเป็นยอดเงินทั้งสิ้น 47,450 บาท ซึ่งลูกสาวกำนันรับปากว่าจะจ่ายเงินค่าซื้อหมูให้ภายใน 10 วันนับจากวันที่มาจับหมูวันที่ 13 ส.ค. 64 แต่พอครบกำหนด 10 วัน กลับเงียบหาย ติดต่อไปก็ไม่รับสาย ไปติดตามทวงถามที่เขียงหมูในตลาดก็ไม่เจอตัว

มีเพียงน้องชายที่นั่งขายเนื้อหมูที่เขียงก็ไม่รู้ว่าพี่สาวไปไหน จึงไปสอบถามกับกำนันซึ่งเป็นแม่ก็บอกแค่ว่าลูกสาวไปอยู่กับสามีแต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ส่วนเรื่องซื้อขายหมูแล้วไม่จ่ายเงิน กำนันก็ปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องเพราะลูกสาวไม่ได้บอกอะไร แต่หากลูกสาวไม่ได้จ่ายเงินค่าหมูจริง ๆ ในฐานะแม่ก็ยินดีจะพูดคุยเจรจา

กระทั่งผ่านไปเกือบเดือนแล้วขณะนี้ตนเดือดร้อนมากถึงขนาดต้องนำสร้อยทอง และรถจยย. ไปจำนำ เพื่อนำเงินไปใช้หนี้นายทุนที่กู้เงินมาลงทุนเลี้ยงหมูก่อน เพราะหากไม่จ่ายก็จะถูกเก็บดอกเบี้ยเพิ่ม และไปแจ้งความที่สภ.ปะคำ เพื่อให้ช่วยติดตามตัวลูกสาวกำนันมาพูดคุยไกล่จ่ายเงินค่าหมูที่ติดค้างไว้ แต่หากไม่จ่ายก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะเชื่อว่ามีเจตนาจะเบี้ยว

แต่ความจริงแล้วไม่ได้อยากมีเรื่องมีราวต้องขึ้นโรงขึ้นศาล เพราะครอบครัวก็ฐานะยากจนหวังว่าเลี้ยงหมูขายจะได้มีเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว แต่กลับมาถูกโกงแบบนี้ก็อยากให้เห็นใจเอาเงินมาจ่าย จะได้ไม่ต้องมีเรื่องมีราว

ด้านน้องชายของคู่กรณี อายุ 19 ปี เปิดเผยว่า เมื่อก่อนพี่สาวมาขายหมูที่เขียงนี้จริง แต่ตอนนี้พี่สาวไม่ได้มาขายแล้ว ตนไม่ได้เจอพี่สาวมาเกือบเดือนแล้วไม่รู้ว่าหายไปไหน ตนกับแม่ก็ติดต่อไม่ได้เหมือนกัน ส่วนเรื่องที่พี่สาวไปซื้อหมูของชาวบ้านแล้วไม่ได้จ่ายเงินนั้นตนเองก็ไม่รู้เรื่องด้วย มีหน้าที่แค่มาขายหมูที่เขียงเท่านั้น

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสภ.ปะคำ ก็จะได้ประสานไปยังผู้ถูกแจ้งความกล่าวหา เพื่อมาสอบถามข้อเท็จจริง และจะได้ให้ทั้งสองฝ่ายพูดคุยไกล่เกลี่ยกัน แต่หากไม่สามารถติดต่อได้ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน