โวยเรือแล่นเร็วสวนกัน ทำน้ำทะลัก เรือลากจูง จมน้ำ 2 ลำ ผ่านมาหลายเดือน ไร้หน่วยงานเหลียวแล ค่ากู้เป็นแสน ช้ำหนักขาดรายได้

วันที่ 6 ต.ค.64 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจาก น.ส.มัณทนา ภู่กุล อายุ 43 ปี เจ้าของ เรือลากจูง ในแม่น้ำเจ้าพระยาว่า ตนเองได้นำเรือลากจูง 3 ลำ มาจอดเรียงติดกันเพื่อให้เป็นที่พักอาศัยบริเวณริมเขื่อนหน้าชุมชนศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเก่า หมู่ 3 ต.บางศรีเมือง อ.เมือง จ.นนทบุรี หลักจากที่สามีและพ่อตาเสียชีวิตไปได้ไม่นาน

ต่อมาเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เรือลากจูงที่จอดอยู่ริมแม่น้ำของตน 2 ลำ จมน้ำหายไปต่อหน้าต่อตาก็คือ เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ในช่วงเช้าเวลา 06.30 น. มีเรือการไฟฟ้าจำนวน 2 ลำ วิ่งผ่านกันกลางแม่น้ำสวนกันด้วยความเร็ว ทำให้เกิดคลื่นเข้ามากระทบเรือของตนจำนวน 3 ลำที่จอดติดกันไว้ จนน้ำจากคลื่นทะลักเข้าท่วมเรือลากจูงลำกลางที่มีขนาดเล็กกว่าจมน้ำหายไปต่อหน้าต่อตา

ทำให้เชือกที่ผูกติดกันไว้ถูกแรงดึงจากเรือลำกลางที่จมลงไปดึงเรือให้เอียงจะจมน้ำตามไปอีกทั้งสองลำ ด้วยความตกใจตนจึงรีบนำมีดตัดเชือกที่ผูกติดกับเรือลำกลางออกได้ทันเวลา แต่เรือลำแรกอีกลำที่อยู่ด้านนอก ตนไม่สามารถข้ามไปตัดเชือกได้ทัน จึงทำให้เรือลากจูงของตนล่มจมน้ำไปในทันที โดยที่ตนไม่สามารถทำอะไรได้เลย นอกจากยืนดูข้าวของเครื่องใช้ต่างๆในเรือที่ลอยขึ้นมาจากน้ำและถูกกระแสน้ำพัดพาหายไป

น.ส.มัณทนา เจ้าเรือลากจูง กล่าวอีกว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ที่เรือของตนถูกคลื่นจากเรือที่วิ่งกลางแม่น้ำซัดจนเรือจมน้ำไป 2 ลำ ตนไม่ได้รับความช่วยเหลือหรือเยียวยาจากใครหรือหน่วยงานใดๆ เลย แม้ว่าตนจะได้ติดต่อไปทางกรมเจ้าท่าและการไฟฟ้าซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการขับเรือในแม่น้ำแล้ว แต่ก็ได้รับการตอบรับกลับมาเพียงแค่คำว่า ขอโทษ และยังมีการมาถามหากับตนว่ามีหลักฐานบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ไหม

ซึ่งในสถานการณ์แบบนั้นถ้าตนมัวแต่ถ่ายคลิปบันทึกเหตุการณ์ไว้เป็นหลักฐาน เรือลำที่ 3 ที่ตนใช้หลับนอนใช้เป็นที่อยู่อาศัยคงล่มไปด้วยเพราะคงไม่สามารถตัดเชือกผูกเรือที่คล้องติดกันได้ทัน

น.ส.มัณทนา กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุเรือของตนล่มไป 2 ลำแล้ว ตนได้ไปติดต่อนักประดาน้ำให้มาประเมินราคากู้เรือทั้ง 2 ลำ ทางทีมนักประดาน้ำเรียกค่ากู้เรือเป็นเงิน 1 แสนบาท เพราะต้องดำน้ำลึกลงไปผูกทุ่นบอลลูนและใช้เรือแม็คโครช่วยดึงเรือที่จมน้ำขึ้นมา

“ยอมรับว่าในตอนนี้ตนเองไม่มีรายได้ใดๆ หลังจากที่สามีกับพ่อตา ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการเสียชีวิตไป ทำให้ตนต้องรับหน้าที่ดูเรือทั้ง 3 ลำต่อโดยที่ไม่ได้มีงานหรือมีรายได้ใดๆ เข้ามาเลย”

ทุกวันนี้ก็อาศัยเรือที่เหลืออยู่ลำเดียวเป็นที่พักอาศัยหลับนอนกินอยู่กับสุนัขและแมวที่เลี้ยงไว้ตามลำพัง ซึ่งตนก็อยากให้เรือที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดคลื่นมาซัดเรือของตนจนจมน้ำไป ออกมาแสดงความรับผิดชอบหรือเยียวยาความเสียหายให้กับตนบ้าง เพราะถ้าเรือยังจอดลอยลำอยู่ปกติ ตนสามารถขายเรือต่อได้ในราคา 3 – 4.5 แสนบาทต่อลำ ไม่ต้องมาผูกซากเรือที่จมน้ำไม่ให้ถูกน้ำพัดไปแบบนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุเรือลากจูงของ น.ส.มัณทนา จมน้ำไป 2 ลำแล้ว ทางกรมเจ้าท่าได้นำป้ายมาติดแจ้งเตือนให้เรือที่สัญจรในแม่น้ำเดินเรือให้ช้าและเบาลง เนื่องจากน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน