อัยการบุรีรัมย์ รุดช่วยพ่อแม่ ‘น้องหญิง’ เหยื่อเบนซ์ชนดับ ประกันไม่จ่าย 2.5 ล้าน อ้างประมาทร่วม ทนายสามีคนขับเบนซ์ระบุเห็นใจผู้สูญเสีย หลักฐานวงจรปิดชัด
กรณี น.ส.พัชราภา หรือน้องหญิง เกรัมย์ อายุ 21 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ สาขานิติศาสตร์ ปีที่ 4 ถูกรถเบนซ์ชนจนเสียชีวิต ขณะขับรถจักรยานยนต์กลับบ้าน เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา บริเวณทางกลับรถ ต.สองชั้น อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งรถเบนซ์คันดังกล่าว ทำประกันชั้น 1 กับบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง วงเงิน 2 ล้านบาท แต่บริษัทประกันไม่ยอมจ่าย อ้างว่าประมาทร่วมกัน
ทั้งที่ศาลชั้นต้น อุธรณ์ และศาลฏีกา วิเคราะห์และตัดสินแล้วว่าคนขับรถเบนซ์ประมาทฝ่ายเดียว ไม่ใช่ประมาทร่วม ต่อมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) ส่วนกลาง มีความเห็นควรให้บริษัทประกันภัยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ทายาท ตามเงื่อนกรมธรรม์ภาคบังคับและภาคสมัครใจ รวมเป็นเงิน 2,500,000 ภายใน 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2564 แต่ไม่มีการจ่าย และอ้างคำเดิมว่า ”ประมาทร่วม”
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 20 พ.ย.64 นายชลเกียรติ แก้วนวล ตำแหน่งอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมาย และการบังคับคดีจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมคณะเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวของน้องหญิง เพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย
นายชลเกียรติ กล่าวว่า เบื้องต้นจะให้ไปยื่นคำร้องที่อัยการจังหวัด หลังจากนั้นจะเชิญผู้เสียหาย บริษัทประกัน และ คปภ.จังหวัด มาร่วมหารือเพื่อหาแนวทางการไกล่เกลี่ย แต่หากตกลงกันไม่ได้ จะมีทีมเจ้าหน้าที่ไปยื่นคำร้องต่อยุติธรรมจังหวัด เพราะให้สำรองค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการวางเงินในชั้นศาล โดยจะมีทนายอาสา เข้าไปช่วยเหลือ เพื่อฟ้องแพ่งต่อบริษัทประกันต่อไป
โดยหลังจากให้คำปรึกษาและแนะแนวทาง นายชลเกียรติ และอาจารย์ของน้องหญิง ที่เดินทางมาด้วย มอบเงินส่วนตัวคนละ 1,000 บาทรวมเป็น 2,000 บาท ให้กับแม่น้องหญิง เพื่อสมทบหากพ่อกับแม่หากจะทำบุญ 100 วัน ที่ผ่านพ้นไปแล้ว ทำให้นางสมเร็จแม่ของน้องหญิง ถึงกับหลั่งน้ำตา พร้อมกับบอกกับรูปภาพน้องหญิงว่า “มีคนมาช่วยบุญ 100 วันแล้ว แม่จะทำบุญไปให้”
ด้านนายโชติวุฒิ สามีคนขับรถเบนซ์ และอดีตประธานสภาทนายความ ออกมาระบุกรณีที่เกิดขึ้นว่า จริงแล้วคปภ.มีอำนาจในการบังคับให้บริษัทประกันจ่าย แต่แปลกที่ยังไม่สามารถกระทำได้ จริงแล้วบริษัทจะต้องมาดูแล ให้บริการเหมือนตอนที่อยากขายประกัน
ประกันของรถเบนซ์คันนี้ เสียค่าประกันรายปีละประมาณ 50,000 บาท ทำให้ยอดเยียวยาสูงถึง 2 ล้าน บวกกับพรบ.ภาคบังคับอีก 500,000 บาท รวม 2.5 ล้าน เงินจำนวนนี้น่าจะไปเยียวยาจิตใจของผู้สูญเสีย และสภาพฐานะของผู้ประสบเหตุ
เพราะสภาพจิตใจของทั้งพ่อแม่ และคนขับรถเบนซ์ คือภรรยาผมเอง ต่างได้รับผลกระทบทางจิตใจ ถ้าพูดถึงเรื่องนี้จะต้องร้องไห้ทุกครั้ง โดยฝ่ายภรรยาของตนทำบุญให้ผู้เสียชีวิตเป็นประจำ เพราะด้วยความสงสารและเห็นใจ
นายโชติวุฒิ กล่าวด้วยว่า จากกล้องวงจรปิดก่อนจะถึงจุดเกิดเหตุเพียง 200 เมตร จะเห็นรถน้องหญิง วิ่งมาจากบุรีรัมย์ แล้วมีรถตามหลังอีก 4 คัน ก่อนรถเบนซ์ของภรรยาจะวิ่งตามเป็นคันที่ 5 รถจักรยานยนต์ของน้องหญิง หลุดจากกล้องวงจรปิดไปเพียงแค่ 20 วินาที แล้วรถเบนซ์ถึงตามไป ก่อนเกิดเหตุไม่มีโอกาสที่รถน้องหญิงจะแวะลงข้างทาง แล้วขับออกมา พุ่งชนกับรถเบนซ์ตามคำกล่าวอ้างของบริษัทประกัน
นอกจากนี้ จากพยานและหลักฐานการเฉี่ยวชน ชี้ชัดว่ารถเบนซ์ของภรรยาตนไปชนท้ายรถน้องหญิง ไม่ใช่เป็นการพุ่งออกจากข้างทางมาเฉี่ยวชนจนทำให้เกิดการประมาทร่วม ทนายโชติวุฒิ