กรณีพี่สาวขังน้องชายพิการสมอง ต้องแก้ผ้าตลอดเวลาไว้ในห้องภายในบ้านหลังหนึ่งใน ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง นาน 15 ปี เนื่องจากป่วยพิการทางสมอง จะเปิดห้องตอนส่งข้าวส่งน้ำเท่านั้น มิหนำซ้ำครอบครัวยังยากจนไม่มีเงินพาไปรักษา จึงต้องขังไว้ หากไม่ขังก็จะเดินแก้ผ้าไปทั่ว กลัวจะเป็นอันตรายกับชาวบ้าน วอนขอความช่วยเหลือเพราะฐานะยากจน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว สุดเวทนา!พี่สาวจำใจขังน้องชายชีเปลือยป่วยทางจิตในห้อง ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันนาน 15 ปี (คลิป)

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 26 ธ.ค. นายจีรศักดิ์ ตะปะโจทย์ นายอำเภอบ้านฉาง จ.ระยอง กล่าวว่า ตนเองได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบ เพื่อหาทางช่วยเหลือต่อไป เบื้องต้นทางอำเภอมีกองทุนช่วยเหลืออยู่แล้ว ซึ่งยังไงก็ต้องรอให้เจ้าหน้าสาธารณะสุข อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ที่กำลังวางแผนหาทางช่วยเหลือเพื่อนำตัวไปรักษาต่อไป

ด้าน นายปรีชา ภู่พันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการคนพิการจ.ระยอง กล่าวว่า รับทราบกรณีดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นได้ประสานทางสาธารณะสุขจังหวัดระยอง เพื่อให้รับตัวไปรักษาแล้ว แต่คงต้องใช้เวลาในการวางแผนในการนำตัวออกจากบ้าน เพราะคนป่วยอารมณ์คุ้มคลั่ง ซึ่งได้ประสานไปทางรพ.บ้านฉาง และหน่วยกู้ภัยในพื้นที่เพื่อช่วยนำตัวออกไปรักษา ซึ่งทางหน่วยงานจะให้ความช่วยเหลือหลังการรักษาต่อไป

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านที่ขัง ชายอายุ 30 ปี ที่ป่วยสมองเปลือยกายไว้ พบกับนายบุญเลิศ เปาอินทร์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง ระยอง ที่ลงตรวจสอบในบ้านหลังดังกล่าว พร้อมกับ น.ส.สุภาศิริพี่สาวผู้ป่วย ที่นำอาหารมาให้พอดี ส่วนตัวผู้ป่วยไม่ยอมเผยกาย นอนคลุมโปงอยู่ในห้อง หลังเห็นคนมากันเต็มบ้าน

ผู้ใหญ่บุญเลิศ เปิดเผยว่า ปกติแล้วจะไม่มีใครในหมู่บ้านเคยเห็นผู้ป่วยเลย จนทำให้ทุกคนคิดว่าเป็นบ้านร้างไม่มีคนอยู่ ซึ่งก็จะให้ความช่วยเหลือต่อไป ทางอำเภอก็ได้ประสานมาแล้วเช่นกัน นอกจากนี้ ทาง เทศบาลตำบลสำนักท้อน เจ้าของพื้นที่ก็ลงมาตรวจสอบและเตรียมให้ความช่วยเหลือแล้วในช่วงเช้า

จากการสอบถามนางวิไล ตันติธรรมผากุล อายุ 57 ปี เจ้าบ้านที่รับจำนองจากครอบครัวผู้ป่วย จนยึดมาเพราะขาดส่ง เปิดเผยว่า ตนเห็นใจครอบครัวนี้มาก จึงให้อยู่อาศัยมาตลอดโดยไม่คิดค่าเช่า ประมาณ 10 ปี แล้ว ทั้งๆที่จะใช้พื้นที่ แต่ก็เห็นใจจึงให้อยู่ต่อไป ซึ่งก็คงจะให้เวลาได้อีก 2 ปี เพราะจำเป็นต้องใช้พื้นที่ ก็รู้สึกดีใจที่ได้รับความช่วยเหลือ เพราะตนจะช่วยก็ไม่ทราบว่าจะช่วยอย่างไรเพราะไม่มีใครกล้าเข้าไปเพราะกลัวจะถูกทำร้าย

ด้าน น.ส.สุภาศิริ พี่สาวผู้ป่วย กล่าวว่า หลังจากที่ข่าวสดนำเสนอข่าวไป มีผู้ใจบุญช่วยเหลือเข้ามา ทั้งที่ตนต้องการเพียงให้น้องได้รับการรักษาเท่านั้น แต่ก็ขอขอบคุณเป็นอย่างมาก และจะนำเงินไว้ใช้สำหรับรักษาน้องให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะที่ผ่านมาตนเองต้องทำงาน เพื่อหาเงินมาซื้ออาหารให้น้องวันละ 100-200 บาททุกวัน ทำแบบนี้มา 10 ปีแล้ว นอกจากนี้ ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ดีใจที่น้องจะได้รับการรักษา ซึ่งอยากให้น้องหายเป็นปกติ ส่วนการไถ่ที่คืนนั้นคงยาก เพราะยอดเงินสูงมาก และก็ขาดมาหลายปีแล้ว ก็ต้องทำใจ ต้องขอขอบคุณเจ้าบ้านที่ยังให้อยู่มาตลอด

“ก่อนที่น้องชายจะป่วยทางสมองก็เป็นคนแข็งแรง แต่ชอบออกไปล่าสัตว์บนภูเขา ครั้งสุดท้ายไปยิงกระรอกตัวใหญ่สีดำมาได้หนึ่งตัว ต่อมาก็เริ่มมีอาการเปลี่ยนไป กลายเป็นคนเงียบครึ่มไม่พูดไม่จา จนกลายเป็นไม่รับรู้อะไรอีกเลย เมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา โดยไม่ทราบสาเหตุ ไปหาแพทย์ก็ไม่สามารถบอกว่าเกิดจากอะไร บอกเพียงป่วยทางสมองเท่านั้น แต่ทางครอบครัวเชื่อว่าเป็นเรื่องของเวรกรรม ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล” น.ส.สุภาศิริ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน