กทม.ลุยยกซากรถยนต์ ย่านสวนสยาม หลังปิดประกาศ 15 วัน ไม่เคลื่อนย้าย พบมีผู้ครอบครองติดต่อรับคืนดำเนินเปรียบเทียบปรับ จากนั้นจัดเก็บ 6 เดือน ไม่มีเจ้าของ ดำเนินการขายทอดตลาด

เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ที่ บริเวณซอยสวนสยาม 1 และซอยสวนสยาม 30 เขตคันนายาว นายสกลธี ภัททิย กุล รองผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการยกซากรถยนต์โดยมี คณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่เขตคันนายาว สำนักเทศกิจ กองโรงงานช่างกล สำนักการคลัง สถานีตำรวจนครบาลท้องที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม

นายสกลธี กล่าวว่า จากการตรวจสอบและรับแจ้งเบาะแสพบว่า ในพื้นที่เขตคันนายาว มีซากรถยนต์จอดทิ้งไว้ รวมทั้งสิ้น 18 คัน ที่ผ่านมาเจ้าของรถได้เคลื่อนย้ายออกไปแล้ว 15 คัน เจ้าหน้าที่ดำเนินการเคลื่อนย้ายแล้ว 1 คัน

โดยวันนี้เขตฯ ร่วมกับสำนักเทศกิจ กองโรงงานช่างกล สำนักการคลัง และสถานีตำรวจนครบาลท้องที่ เคลื่อนย้ายซากรถยนต์ที่เหลืออีก 2 คัน บริเวณซอยสวนสยาม ซอย 1 และซอยสวนสยาม 30 ที่ผ่านมาเขตฯ ได้ปิดประกาศให้เคลื่อนย้ายซากรถยนต์ดังกล่าวแล้วเป็นเวลา 15 วัน

แต่ยังไม่มีผู้ใดมาเคลื่อนย้าย และจากการตรวจสอบไม่พบเจ้าของซากรถยนต์ จึงได้ประสานสถานีตำรวจนครบาลท้องที่ เพื่อตรวจสอบว่า ซากรถยนต์ดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิสูจน์ทางคดีหรือเป็นของกลางทางคดีหรือไม่








Advertisement

สำหรับการเคลื่อนย้ายซากรถยนต์ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่สถานีตำรวจนครบาลท้องที่ ทั้งก่อนดำเนินการและหลังดำเนินการ โดยได้รับการสนับสนุนรถยกจากกองโรงงานช่างกล สำนักการคลัง เพื่อนำซากรถยนต์ดังกล่าวไปเก็บไว้บริเวณพื้นที่จัดเก็บ

เมื่อมีผู้ครอบครองมาติดต่อรับซากรถยนต์คืนจะดำเนินการเปรียบเทียบปรับ หากไม่มีผู้ครอบครองมาติดต่อขอรับคืน จะจัดเก็บซากรถยนต์ไว้เป็นระยะเวลา 6 เดือน จากนั้นจะเป็นอำนาจหน้าที่ของผู้อำนวยการเขต ดำเนินการขายทอดตลาดซากรถยนต์ดังกล่าวต่อไป

อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือประชาชนหากพบเห็นการจอดทิ้งซากรถยนต์สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ฝ่ายเทศกิจสำนักงานเขตในพื้นที่ หากเบาะแสดังกล่าวนำไปสู่การจับปรับ ผู้แจ้งเบาะแสจะได้รับส่วนแบ่งครึ่งหนึ่งของค่าปรับตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 18 ที่กำหนดห้ามมิให้ผู้ใดทิ้ง วาง หรือกองซากยานยนต์บนถนนหรือสถานที่สาธารณะ โดยบทกำหนดโทษ ตามมาตรา 56 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน