“เอ๋ มิรา” ตั้งโต๊ะเปิดใจ หลังชนะคดี ได้สิทธิ์เลี้ยงดูลูกจาก “ครูไพบูลย์” หลังจากมีรายได้สามารถเลี้ยงดูบุตรชายได้แล้ว ดีใจจนลืมป่วย พยาบาลต้องเตือน
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 6 มี.ค.65 ที่สำนักงานทนายความนฤบดินทรา ลอว์ เฟิร์ม ริมถนนมิตรภาพ ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น นายนฤบดินทรา ศรีศิวารา อายุ 36 ปี หรือทนายเก่ง พร้อมด้วย น.ส.มิรา ชลวิรัลวานิศร์ หรือเอ๋ มิรา อดีตภรรยา ครูไพบูลย์ แสงเดือน สามีนักร้องสาวกระต่าย พรรณนิภา, นายประจักษ์ชัย ไหทองคำ เจ้าของค่ายเพลงไหทองคำ เรคคอร์ด, ป๋าเทพ เลิงนกทา และ เบิร์ด พนา สองผู้จัดการของเอ๋ มิรา ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
ภายหลังจากศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดเลย มีคำพิพากษาชั้นต้นเมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา ให้เอ๋ มิรา มีสิทธิ์ปกครองน้องสายแนน อายุ 6 ขวบ แต่เพียงผู้เดียว ภายหลังจาก เอ๋ มิรา ยื่นฟ้อง ครูไพบูลย์ อดีตสามี ว่า ภายหลังจากหย่ากันและให้สิทธิ์ปกครองแก่ครูไพบูลย์แต่เพียงผู้เดียว กระทั่ง ครูไพบูลย์มีภรรยาใหม่และมีลูกด้วยกัน 1 คน จนไม่มีเวลาเลี้ยงดูและให้ความอบอุ่นกับน้องสายแนน พร้อมทั้งทะเลาะกับภรรยาใหม่ทำให้น้องสายแนนไม่มีความสุขและมีความต้องการจะอยู่กับเอ๋ มิรา
ขอให้ถอนอำนาจปกครองน้องสายแนนของครูไพบูลย์ฝ่ายเดียวตามที่เคยบันทึกท้ายใบหย่าเมื่อวันที่ 3 ต.ค.2561 แล้วให้เอ๋ มิราเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองน้องสายแนนฝ่ายเดียว และให้ครูไพบูลย์ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูน้องสายแนนเดือนละ 20,000 บาท นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาเป็นต้นไปจนกว่าน้องสายแนนจะบรรลุนิติภาวะแก่เอ๋ มิรา โดยศาลมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา ให้เปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครองน้องสายแนน จากจำเลย มาเป็นโจทก์ ให้จำเลยมีสิทธิ์ติดต่อเยี่ยมเยียนผู้เยาว์ได้ตามควรแก่พฤติการณ์ ละให้โจทก์เป็นผู้ออกเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ฝ่ายเดียว คำขออื่นจากนี้ให้ยกทั้งหมด
นายนฤบดินทรา กล่าวว่า คดีดังกล่าวศาลมีคำพิพากษาว่าหลังจากที่เอ๋ มิรา หย่ากับอดีตสามี อดีตสามีก็มีภรรยาใหม่และมีลูกอีก 1 คน เอ๋ได้ติดต่อกับน้องสายแนนโดยไปรับมาอยู่ด้วยชั่วคราว โดยครั้งล่าสุดเมื่อเดือน ก.ย.2564 น้องสายแนนบอกกับเอ๋ ว่าไม่อยากกลับไปหาพ่อเหมือนเดิม เพราะต้องไปนอนกับแม่บ้าน และน้องสายแนนเห็นพ่อกับภรรยาใหม่ทะเลาะกัน อยู่กับพ่อแล้วไม่มีความสุขไม่อยากกลับไปหาพ่ออีกอยากจะอยู่กับแม่ และฝ่ายพ่อเคยมาที่บ้านเอ๋ พอน้องสายแนนเห็นพ่อก็วิ่งหนีไม่ยอมให้พ่อกอดหรือเข้าใกล้บอกว่าไม่อยากกลับไปอยู่กับพ่อ
เอ๋จึงให้ลูกมาอยู่ด้วยและเรียนหนังสือที่โรงเรียนใกล้บ้านที่ อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู โดยมีคุณย่า หรือ แม่ของเอ๋ช่วยเลี้ยงดูรับส่งไปโรงเรียนระหว่างที่เอ๋ทำงาน พร้อมวางแผนหากเรียนจบชั้นอนุบาล 3 จะซื้อบ้านอยู่กับลูกชายและแม่ โดยเอ๋จะประกอบธุรกิจที่ขอนแก่น และให้ลูกเรียนที่ขอนแก่น ซึ่งขณะนี้เอ๋ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับขายเครื่องสำอาง ขายเสื้อผ้าออนไลน์ ถ่ายเอ็มวี และรีวิวสินค้า มีฐานะมั่นคง มีรายได้เดือนละ 100,000 – 200,000 บาท
ซึ่งในส่วนนี้ทั้งแม่และน้องสายแนนก็ให้การในชั้นศาลด้วย และโดยเฉพาะน้องสายแนนยืนยันต่อศาลหลายครั้งว่าไม่อยากกลับไปอยู่กับพ่ออีกแต่อยากอยู่กับแม่มากกว่าเพราะอยู่กับแม่แล้วมีความสุข ศาลได้พิจารณาและพิพากษาเปลี่ยนอำนาจปกครองน้องสายแนนของครูไพบูลย์ฝ่ายเดียวให้แก่เอ๋ มิรา ผู้เป็นแม่แต่เพียงฝ่ายเดียวแทน ส่วนค่าอุปการะเลี้ยงดู 20,000 บาทต่อเดือนนั้น ศาลพิจารณาแล้วว่าทางเอ๋ เบิกความว่าประกอบธุรกิจส่วนตัวมีฐานะมั่นคงแล้วสามารถดูแลลูกได้แล้ว จึงสมควรให้เอ๋ เป็นผู้ออกเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูน้องสายแนนผู้เดียว
ขณะที่ เอ๋ มิรา กล่าวว่า ก่อนหน้าต้องอดทนผ่านช่วงเวลาที่โหดร้ายที่สุดในชีวิตจนถึงขั้นซึมเศร้ามีความคิดอยากฆ่าตัวตาย คิดว่าทำไมประเทศไทยมีแต่คนใจร้ายกับตัวเองจัง แต่ได้กำลังใจที่ดีจากทุกคนทำให้ก้าวข้ามวันร้ายๆมาได้ ตอนนี้ไม่อยากพูดถึงอีกแต่อยากจะขอบคุณทุกคนแทน ซึ่ง ในวันที่ทราบว่าชนะคดีนั้น ตนเองพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเนื่องจากมีไข้ ทนายเก่งโทรศัพท์มาบอกตนเองชนะคดี ด้วยความดีใจถึงกับกระโดดด้วยความดีใจจนพยาบาลที่อยู่ด้วยบอกว่า มิรา เธอใส่สายออกซิเจนอยู่นะ ซึ่งตนเองดีใจมากจนลืมอาการป่วยไปเลย อยากจะขอบคุณทนายเก่ง อาจารย์ประจักษ์ชัย ป๋าเทพ และพี่เบิร์ด ที่คอยช่วยเหลือมาโดยตลอด ทั้งเรื่องการใช้ชีวิต เรื่องการเงิน และเรื่องงาน และที่สำคัญขอขอบคุณกำลังใจจากแฟนคลับทุกคนที่ส่งกำลังใจมาให้อยู่ตลอด