เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 7 มกราคม 2560 ที่วัดศรีมหาโพธิ์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม พล.ต.ต.คำรณ บุญเลิศ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ปรีดา อิ่มเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.สีหเดช สระกอบแก้ว ผกก. สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม พร้อมด้วยชุดสืบสวน สภ.นครชัยศรี ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัวนายสุชาติ อยู่เสือ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 170/54 หมู่ 2 ต.คลองใหม่ อ.สามพราน จ. นครปฐม และน.ส.อัมรินทร์ สังข์ทอง อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/19 หมู่ 2 ต.คลองใหม่ อ.สามพราน จ.นครปฐม ผู้ต้องหาตามหมายจับของจังหวัดนครปฐม ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป พร้อมด้วยของกลางคีมตัดเหล็กปากนกแก้วขนาดใหญ่ 1 อันและรถจยย.ฮอนด้าเวฟ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ยบษ 254 กทม. เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 ม.ค.61 ที่วัดศรีมหาโพธิ์

พล.ต.ต.คำรณ บุญเลิศ ผบก.ภ.จว.นครปฐม เผยว่าเมื่อวันที่ 4 มกราคม ที่ผ่านมา ตร. สภ.นครชัยศรี ได้รับแจ้งจากวัดศรีมหาโพธิ์ว่ามีคนร้ายเข้ามาลักเงินในตู้บริจาคที่อยู่ในวิหารหลวงพ่อตะโกสี วัดศรีมหาโพธิ์ โดยภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกเหตุการณ์และใบหน้าของคนร้ายไว้ได้ โดยคนร้าย 2 คน ชายหญิงทำทีเข้ามากราบไหว้พระ แล้วหยิบเอาคีมตัดเหล็กปากนกแก้ว ขึ้นมางัดตู้บริจาคเอาเงินสดแล้วเดินออกจากวิหารไปขึ้นรถจยย. ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ยบษ 254 กทม.หลบหนีไป เมื่อ ตร.สืบสวนจทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสุชาติ อยู่เสือ และน.ส.อัมรินทร์ สังข์ทอง สองสามีภรรยา เช่าห้องพัก 2 แห่งไว้ที่ตำบลคลองใหม่ อ.สามพราน และในเขต ต.ขุนแก้ว อ.นครชัยศรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เฝ้าประจำจุดเพื่อทำการจับกุม จนกระทั่งช่วงเย็นของวันที่ 6 มกราคม 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เฝ้าจุดอยู่ได้พบนายสุชาติ กำลังขี่รถจยย.กลับเข้าห้องพัก จึงเรียกให้หยุดพร้อมแสดงหมายจับ แต่ปรากฏว่าหมายเลขทะเบียนรถจยย.ไม่ตรงกับ จึงทำการสอบสวน นายสุชาติรับว่าได้ถอดสลับป้ายทะเบียนกับรถจยย.อีกคัน หลังจากมีภาพตนและภรรยาปรากฏไปตามสื่อต่างๆ

จากนั้นได้ทำการตรวจค้นที่ห้องเช่าไม่มีเลขที่หมู่ 5 ต. ตลาดจินดา อ.สามพราน เมื่อไปถึงพบ น.ส.อัมรินทร์ สังข์ทอง นั่งอยู่ภายในห้อง ผู้ต้องหาทั้งสองยอมรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุจริง หลังเกิดเหตุแล้วมีภาพปรากฏไปตามสื่อต่างๆจึงได้ถอดป้ายทะเบียนเปลี่ยน โดยในวันนั้นได้เข้ามาลักเงินในตู้บริจาคไปได้เงิน 1,530 บาท ก่อนหน้านี้ตนเป็นลูกน้องนายทุนเงินกู้นอกระบบ และเป็นคนวิ่งเก็บเงินกู้ ภายหลังเมื่อถูกเจ้าหน้าที่ปราบปรามอย่างหนักจึงต้องเลิกไปและตกงานด้วยอารมณ์ชั่ววูบจึงมาก่อเหตุ เพราะไม่มีเงินใช้จ่ายในครอบครัว จากนั้นได้นำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

สำหรับประวัติของผู้ต้องหาทั้งสองทราบว่าเคยก่อเหตุลักตู้บริจาคเงินที่ วัดพันท้ายนรสิงห์ อ.เมืองสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2560 ได้เงินบริจาคไป 7,300 บาท โดย สภ.โคกขาม ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองไว้ ซึ่งภาพวงจรปิดในขณะที่ก่อเหตุ น.ส.อัมรินทร์ ไว้ผมยาวแต่พบข้อมูลปรากฏภาพตนเองในเฟสบุ๊ค ขณะเกิดเหตุ จึงไปตัดผมสั้น เพื่ออำพรางตำหนิรูปพรรณ นอกจากนี้ น.ส.อัมรินทร์ ยังเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาพยายามลักทรัพย์ ที่สภ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เมื่อปี พ.ศ. 2555 และคดีลักทรัพย์ ที่ สภ.โพธิ์แก้ว อ.สามพราน จ.นครปฐม เมื่อปี 2559 อีกด้วย

ทางด้านพระมหาไวยยากรณ์ ณรงค์ มหาปุตโต เจ้าอาวาสได้เปิดเผยว่า ขออนุโมทนาขอบใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ช่วยจับคนร้ายได้ พร้อมเตือนสติไปถึงบุคคลที่คิดจะทำผิดว่า สมัยนี้มีเทคโนโลยีหลากหลายมากขึ้น ทั้งมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด กล้องหน้ารถ หรือแม้แต่กระทั่งโทรศัพท์มือถือก็สามารถบันทึกภาพได้แล้ว ขอเตือนไปยังที่ผู้ที่คิดจะกระทำความผิดทั้งหลายไม่ควรที่จะทำให้เกิดขึ้น เพื่อความสุขสงบของตนเอง ควรจะทำมาหากินมีอาชีพที่สุจริต

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน