ชาวบ้าน ม.6 ต.วังมะปรางเหนือ จ.ตรัง ร้องสื่อหลังเชื่อว่าถูกมือดี วางยาสวนยางพารา มาตั้งแต่ปี 58 ทำให้ยางไม่มีน้ำ และยืนต้นตาย คาดปมไม่ยอมขายที่

เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2565 น.ส.ลัดดาวัลย์ อุ้ยกิ้ม หรือแป๊ก อายุ 51 ปี ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวพร้อมพาเดินเข้าไปดูสวนยางพารา อายุ 11 ปี พื้นที่ 30 ไร่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.6 บ้านสวนป่า ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง มีต้นยางพาราจำนวนมากยืนต้นตาย บางส่วนล้มราบเป็นหน้ากลอง และกำลังล้มตายเกือบทั้งสวน

พร้อมทั้งใช้มีดกรีดยางปรากฏว่ายางทุกต้นไม่มีน้ำยางออกมาเลยแม้แต่เพียงหยดเดียว ซึ่งสร้างความเดือดร้อนและความหวาดผวาให้กับตนและผู้เป็นแม่คือนางลำดวน ชุมดี อายุ 76 ปี ที่อาศัยอยู่ในบ้านพักภายในสวนยางพาราดังกล่าว เพียงลำพังหญิง 2 ชีวิต

น.ส.ลัดดาวัลย์ ได้นำบันทึกประจำวันของสภ.วังวิเศษ ผลการตรวจตัวอย่างสารเคมีใต้โคนต้นยางจากห้องแลป บันทึกข้อความ ศูนย์ดำรงธรรม จ.ตรัง ภาพถ่ายหลักฐานต่าง ๆ และโฉนดที่ดินให้ผู้สื่อข่าวดู เชื่อว่ามีผู้ไม่หวังดีนำสารเคมีมารดที่ต้นยางพารา ติดต่อกันตั้งแต่ปี 58 จนถึงตอนนี้ต้นยางได้ล้มตายและไม่มีน้ำยาง เพื่อหวังที่จะซื้อที่ดินดังกล่าวพร้อมขับไล่ออกจากนอกพื้นที่

น.ส.ลัดดาวัลย์ กล่าวว่า มีคนร้ายนำสารเคมีมาราดใส่โคนต้นยาง ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2558 ตนได้นำเรื่องไปแจ้งความกับตำรวจ แต่ทางตำรวจบอกว่าเป็นเพราะภัยธรรมชาติ ทั้งที่ตนเคยนำเรื่องนี้ไปตรวจกับทางองค์การยางพารามาแล้ว ผลปรากฏว่าพบสารเคมีอยู่จริง

การที่ตนถูกกลั่นแกล้งนั้น เนื่องจากเคยมีปัญหาจากคนที่มาขอซื้อที่ดินแปลงนี้ แต่ตนไม่ขาย ทำให้เขาไม่พอใจและเลยปิดทางเข้าบ้านมาแล้วครั้งหนึ่ง เคยร้องเรียนกับทางอำเภอก็ยิ่งทำให้ไม่พอใจ ตนจึงร้องทุกข์ไปยังศูนย์ดำรงธรรม เพราะคนในพื้นที่นี้ไม่มีใครแก้ปัญหาให้ ทางผู้ใหญ่บ้านก็ปฏิเสธ อ้างว่าเรื่องของตนเป็นเรื่องที่เจรจายาก และเข้าข้างอีกฝ่ายที่ขอซื้อที่ดิน

เมื่อจะไปขอพบผู้ว่า กลับถูกคนหน้าห้องใช้ให้ไปศูนย์ดำรงธรรม ตนก็ไม่ได้รู้กฎหมายอะไรด้วย ก็พยายามต่อสู้กันมาเป็นเวลา 10 ปี ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น คดีก็ไม่คืบหน้า ส่วนคนที่มาขอซื้อที่ดินของตนนั้นก็เป็นคนในพื้นที่รู้จักกันดี แต่ไม่ค่อยได้คุยกันเพราะมักจะมีปัญหาปากเสียงกัน

น.ส.ลัดดาวัลย์ กล่าวต่อว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ก็ทำให้ตนมีภาระมากขึ้น เพราะว่ายางพาราคือรายได้หลัก ก็รู้สึกเสียดายเพราะช่วงนี้ราคายางสูง เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะกว่ายางกว่าจะโตขนาดนี้ก็ใช้เวลาหลายปี ตนก็มีภาระหนี้สินที่ต้องรับผิดชอบอีกเยอะ จะนำที่ดินไปจำนองที่ไหนก็ไม่ได้ เพราะตนไม่ได้รับความร่วมมือจากท้องถิ่นเลย

“การที่ตนร้องเรียนสื่อมวลชนในครั้งนี้ เป็นที่พึ่งสุดท้ายแล้วจริง ๆ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบช่วยเหลือ ที่ผ่านมามีคนมาเดินวนเวียนในสวนกลางดึก ทุกวันนี้ก็อยู่กันด้วยความหวาดผวา เพราะตนก็อาศัยกับแม่เพียง 2 คน และยืนยันว่าจะไม่ขายที่ดินดังกล่าวให้ใครโดยเด็ดขาด และจะต่อสู้จนถึงที่สุด” น.ส.ลัดดาวัลย์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน