กรณีน.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ ที่กลายเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งนำบัตรประชาชนของน.ส.ณิชาที่หาย ไปตระเวนเปิดบัญชีธนาคารเพื่อใช้หลอกเหยื่อให้โอนเงินเข้ามา ทำให้น.ส.ณิชา ต้องตกเป็นผู้ต้องหาในคดีโกงประชาชนและถูกจับกุมดำเนินคดี หลังได้ประกันตัวออกมา จึงนำหลักฐานภาพกล้องวงจรปิดขณะคนร้ายเข้าไปเปิดบัญชีในธนาคาร เข้าร้องกองปราบปรามให้ช่วยติดตามคนร้ายตัวจริงมาดำเนินคดีตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว แพะแก๊งคอลร้องกองปราบล่าตัวคนร้าย ตร.เอาผิดแบงก์ชุ่ยปล่อยโจรสวมรอยเปิดบัญชี

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 10 ม.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.ในฐานะโฆษกตร. พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. พล.ต.ต.ปริญญา วิศิษฐฎากุล ผบก.ภ.จ.ตาก และทีมพนักงานสอบสวน ประชุมวิดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์กับศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดตาก เพื่อคลี่คลายคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังน.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ ตกเป็นผู้เสียหาย เนื่องจากคนร้ายนำบัตรประจำตัวประชาชนของน.ส.ณิชาไปเปิดบัญชีธนาคาร ที่ใช้โอนเงินเข้าออก จนนำไปสู่การออกหมายจับและดำเนินคดี ซึ่งน.ส.ณิชาร้องขอความเป็นธรรมกับบก.ป.

พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า จากการสืบสวนเบื้องต้นทราบว่าเมื่อช่วงปลายปี 2560 ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ อ้างว่าชื่อนายราลี่ สมิธ ชาวอังกฤษ ติดต่อ นางกาสิณี ยะเมา ทางเฟซบุ๊ก โดยอ้างว่าต้องการซื้อที่ดินในจ.ตาก ขอให้นางกาสิณี เป็นนายหน้าซื้อที่ดิน โดยนายราลี่จะส่งเงินจำนวน 30 ล้านบาท จากอังกฤษ ทางพัสดุไปรษณีย์มาให้ผู้เสียหาย แต่มีค่าทำเนียม 1 ล้าน 3 แสนบาท ที่ผู้เสียหายต้องจ่ายล่วงหน้าก่อน จากนั้นขบวนการคอลเซ็นเตอร์อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ โทรหานางกาสิณีแจ้งถึงค่าทำเนียมที่ต้องชำระ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงิน 1,370,000 บาท เข้าบัญชีธนาคาร 3 แห่ง ประกอบด้วย บัญชีของ น.ส.ณิชา 340,000 บาท 5 ครั้ง บัญชีนายขวัญ และบัญชีนายธีรภัทรนนท์ด้วย เมื่อติดกลับไปก็ติดต่อไม่ได้ทุกช่องทาง จึงมาแจ้งความดำเนินคดีกับน.ส.นิชา

พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวอีกว่า พล.ต.ต.ปริญญาได้ตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนคดีนี้ เนื่องจากน.ส.ณิชา ซึ่งอยู่ในฐานะผู้ต้องหาเปิดบัญชี ก็เป็นผู้เสียหายแจ้งความถูกนำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคาร จึงต้องบูรณาการการสอบสวน โดยให้สภ.บ้านตาก ทำสำนวนคดี และขยายผลไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จ.ตาก

ส่วนกองปราบปรามขยายผลในพื้นที่จังหวัดอื่น เนื่องจากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่ายังมีการเปิดบัญชีรับโอนเงินจากผู้เสียหายอีก 2 บัญชี คือบัญชีชื่อ นายขวัญ ทองน้อย สาขาบิ๊กซีติวานนท์ รีบโอนเงินจากผู้เสียหาย 5 ครั้ง รวม 400,000 บาท และบัญชีชื่อนายธีรภัทร์นนท์ งามวงษ์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาเดอะมอลงามวงศ์วาน รับโอนเงิน 2 ครั้ง รวม 630,000 บาท

ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบ ว่าบุคคลทั้ง 2 อยู่ในภูมิลำเนาที่ใด และอยู่ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่ หากไม่เกี่ยวข้องขอให้แสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยการไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนยันการดำเนินคดีกับ น.ส.ณิชา ทำตามขั้นตอนของกฎหมาย ไม่มีสิ่งใดบกพร่อง เหตุที่น.ส.ณิชาถูกออกหมายจับเนื่องจากพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกถึง 2 ครั้ง มีระยะเวลาประมาณ 2 เดือน แต่กลับเงียบหาย พนักงานสอบสวนจึงขออนุมัติศาลจังหวัดตากออกหมายจับในข้อหาฉ้อโกงประชาชน

จากนี้จะต้องพิสูจน์ว่าน.ส.ณิชา เป็นเหยื่อในขบวนการคอลเซ็นเตอร์ หรือร่วมขบวนการกระทำความผิด ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้ประสานขอข้อมูลจากธนาคาร 9 แห่ง ที่มีชื่อน.ส.ณิชา เปิดบัญชี แต่พบว่าธนาคารบางแห่งไม่ให้ความร่วมมือ โดยอ้างว่าต้องขออนุมัติจากสำนักงานใหญ่ วันนี้ตนจึงจะประสานไปยังสำนักงานใหญ่เพื่อขอข้อมูลด้วยตนเองหลายแห่ง

วันเดียวกัน ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.เปิดเผยว่า ทราบว่าขณะนี้ฝ่ายสืบสวนได้ประสานขอหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดกับธนาคารทั้ง 7 แห่ง ที่คนร้ายนำบัตรประชาชนของน.ส.ณิชาไปใช้เปิดบัญชีมาตรวจสอบแล้ว ว่าเป็นคนร้ายรายเดียวกันกับที่ปรากฏอยู่ในภาพจากธนาคารแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว ที่ผู้เสียหายนำมามอบให้หรือไม่ เรื่องที่เกิดขึ้นตนก็อยากฝากเตือนไปยังประชาชนให้เป็นอุทาหรณ์ว่า หากบัตรประชาชน หรือเอกสารสำคัญหายไป ก็ให้ไปลงบันทึกประจำวัน เพื่อใช้เป็นหลักฐานปกป้องตนเองจากกรณีที่เกิดขึ้นนี้ด้วย

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ตามแนวทางการสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า คนร้ายที่ปรากฏอยู่ในภาพหลักฐาน ไม่น่าจะไปเปิดบัญชีเองเพียงคนเดียวกับธนาคารทั้งหมด 7 แห่ง โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดโดยละเอียด ทั้งภายในและภายนอกธนาคาร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน