จากกรณีที่พ.ต.ท.นิมิตร ฮวบน้อย พนักงานสอบสวน สภ.บ้านตาก อ.บ้านตาก จ.ตาก ควบคุมตัวน.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ อายุ 24 ปี แพะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผู้ต้องหาฉ้อโกง และนำตัวไปขออำนาจศาลจังหวัดตาก ฝากขัง โดยศาลพิจารณาไม่อนุญาตให้ประกันตัว ส่งฝากขังที่เรือนจำกลางจังหวัดตาก เป็นเวลา 2 คืน 3 วัน จากนั้นญาติยื่นขอประกันในวงเงิน 80,000 บาท และมารายงานตัวที่ศาลตากทุก 6 วัน จนกว่าการสอบสวนจะแล้วเสร็จ นั้น

เมื่อวันที่ 12 ม.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. กล่าวถึงกรณีน.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ อายุ 24 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง ถูกคนร้ายนำบัตรประจำตัวประชาชน ไปเปิดบัญชีธนาคาร 7 แห่ง รวม 9 บัญชี ว่า ส่วนตัวตนขอแสดงความเห็นใจและยืนยันออกหมายจับนั้น ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนหลังออกหมายเรียกไปแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งพบว่าน.ส.ณิชาไม่เข้ามารายงานตัว และให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน จึงออกหมายจับ แต่พนักงานสอบสวนก็ได้รับฟังคำให้การและการร้องทุกข์ ยืนยันจะทำให้เกิดความชัดเจนและความเป็นธรรม ส่วนกรณีดังกล่าวจะเป็นความปล่อยปละละเลยของธนาคารหรือไม่นั้น อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ

ด้านนายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ ผู้อำนวยการกองคดี 1 เป็นผู้แทนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ระบุถึงกระแสข่าวการปรับเงินหรือการเยียวยาแก่ธนาคารที่ทำการเปิดบัญชีให้แก่บุคคลตัวปลอมที่ไม่ใช่เจ้าของบัตรประชาชนที่แท้จริง ว่า ปปง. จะเป็นหน่วยงานกำกับดูแลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินของธนาคารและเกี่ยวกับการเปิดบัญชีต่างๆ ซึ่งกำหนดหลักการการเปิดบัญชีไว้ตามขั้นตอน (KYC) ก่อนธนาคารจะเปิดบัญชีให้บุคคลใดก็ต้องตรวจสอบก่อน เช่น การให้สอบถามข้อมูลส่วนตัวผู้ขอเปิดบัญชี วัน เดือน ปีเกิด ที่อยู่ อาชีพ ต่างๆตามระเบียบขั้นตอน

แต่หากพบว่าพนักงานธนาคารไม่ทำตามขั้นตอนการตรวจสอบก่อนเปิดบัญชี ก็จะเปรียบเทียบปรับต่อธนาคาร เป็นเงินสูงสุด 1 ล้านบาท ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามหลักเกณฑ์ แต่ตอนนี้ไม่อยากให้ด่วนสรุป ขอให้รอการตรวจสอบก่อน โดยวันนี้จะเข้าไปตรวจสอบข้อมูล 4 ธนาคาร และวันอังคารที่ 16 มกราคม จะไปตรวจสอบข้อมูลอีก 3 ธนาคาร รวมถึงจะเรียกธนาคาร สถาบันการเงิน 30 กว่าแห่งทั่วประเทศ มาวางมาตรการป้องกัน ทำความเข้าใจเพื่อไม่ให้ปัญหาลักษณะนี้อีก

วันเดียวกัน ที่จ.ตาก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ณิชา เดินทางมาจากกรุงเทพตั้งแต่เมื่อคืนมาถึงศาลจังหวัดตาก ต.น้ำรึม อ.เมือง จ.ตาก โดยมีบิดา และน้องชาย ติดตามมาให้กำลังใจ และเข้ารายงานตัวในทันที ในช่วงเวลา 09.00 น. จากนั้นเดินทางไป กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก พร้อม นายจิระศักดิ์ สุดสังข์ ทนายความ เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมแก่พนักงานสอบสวน โดยมี พล.ต.ต.ปริญญา วิศิษฐฎากุล ผบก.ภ.จว.ตาก ประธานในการการสอบสวน พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศักดิ์ดา สังขนิตย์ รอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก เป็นหัวหน้าฝ่ายสอบสวนในคดีนี้

พล.ต.ต.ปริญญา วิศิษฐฎากุล ผบก.ภ.จว.ตาก เปิดเผยว่า การควบคุมตัว น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ มารายงานตัวต่อศาลจังหวัดตาก ทุก 6 วัน เป็นครั้งที่ 1 จากทั้งหมด 5 ครั้ง คงเหลือ อีก 4 ครั้ง พนักงานสอบสวน จะต้องเร่งการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ให้แล้วเสร็จในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ขณะนี้คณะทำงานที่ลงพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีความคืบไปมาก ในส่วนของจังหวัดตากได้สอบสวนไปหมดแล้ว เหลือแต่รอหลักฐานจากคณะทำงาน 3 ชุดที่ลงพื้นที่ กรุงเทพฯมาประกอบการพิจารณา หลังจากการรวบรวมพยานหลักฐานแล้วเสร็จ ก็จะรวบรวมสำนวนส่งให้อัยการพิจารณาทันที

ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก กล่าวอีกว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนสภ.เมืองตาก ออกหมายเรียกนายขวัญ ทองน้อย ชาว จ.ลพบุรี ซึ่งนางการต์สินี ยะเมา เป็นชาวจังหวัดตาก โอนเงินเข้าบัญชีจำนวน 5 ครั้ง รวมเป็นเงิน 400,000 บาท และนายธีรภัทร์นนท์ งามวงษ์ ภูมิลำเนาอยู่จังหวัดหนองคาย ที่ผู้เสียหาย โอนเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพฯ สาขาเดอะมอลงามวงศ์วาน จำนวน 2 ครั้ง รวมเป็นเงิน 630,000 บาท ซึ่งบัญชีทั้ง 2 รายชื่อ เป็นกรณีเกี่ยวกันกับน.ส.ณิชา โดยพนักงานสอบสวน ออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ไปแล้วแต่ยังไม่มาพบ และจะออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2

ส่วนน.ส.ณิชาที่จะขอให้ศาลพิจารณาในการรายงานตัว ที่ศาลจังหวัดนนทบุรีนั้น ทางศาลไม่อนุญาตยังคงต้องมารายงานตัว ที่ศาลจังหวัดตาก ทุก 6 วัน จนกว่าจะครบอำนาจของพนักงานสอบสวน ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ นี้

น.ส.ณิชา กล่าวภายหลังพบเจ้าหน้าที่ว่า แม้ว่าจะสอบสวนเพิ่มเติม ใช้เวลายาวนาน ถึง 5 ชั่วโมง แต่ตนมีความสบายใจ ที่ให้ข้อมูลแก่คณะทำงานที่ตำรวจภูธรจังหวัดตาก ตั้งขึ้นมาเพื่อรับฟังข้อมูลของตนเอง ซึ่งตนชี้แจงและมอบหลักฐานทั้งหมด พร้อมกับการทดสอบแบบลายมือชื่อ เพื่อเปรียบเทียบกับรายมือคนร้ายตัวจริงที่ไปเปิดบัญชี หากเจ้าหน้าที่ตำรวจบางหน่วยที่อาจติดประเด็นเรื่องที่ตนเองทำบัตรหายบ่อยนั้น ตลอดชีวิตเคยทำหาย 3 ครั้ง คือเมื่อปี พ.ศ.2557 และ 2 ครั้งหลัง คือช่วงกลางเดือนกันยายน 2560 แต่เมื่อทำบัตรใหม่ไม่นาน ก็ถูกขโมยกระเป๋า และบัตรประชาชนหายในวันที่ 6 ต.ค.60 ซึ่งตนก็ชี้แจงข้อมูลไปตามเรื่องจริง และหากเจ้าหน้าที่จะเชิญเข้าเครื่องจับเท็จก็ยินดี

“ในวันนี้ก็ต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความเมตตา เข้ามาช่วยเหลือตนเอง ซึ่งจะเป็นกรณีศึกษาถึงข้อบกพร่องของกระบวนการทะเบียนราษฎร์และกระบวนการของธนาคาร หลังจากที่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในคดีนี้เรียบร้อย ก็จะต้องดำเนินการกับธนาคาร ต่างๆ ทั้ง 7 แห่ง ซึ่งจะต้องขอให้กระทรวงยุติธรรม เข้ามาช่วยเหลือ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับดิฉันบ้าง” น.ส.ณิชา กล่าว

จากนั้น น.ส.ณิชา พร้อมด้วยบิดาและน้องชาย เดินทางไปสักการะศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อขอพรให้การคลี่คลายคดีแล้วเสร็จโดยเร็ว โดยนำพวงมาลัยดอกไม้สดสีเหลืองสวยงาม ไปคล้องดาบถวายสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน