จากกรณีเกิดเหตุโคลนถล่มทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย เมืองซานตา บาร์บารา รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เพิ่งประสบภัยไฟไหม้ป่าไปเมื่อไม่นานนั้น ได้เกิดเหตุน้ำท่วมและโคลนถล่มซ้ำ ระดับสูงถึงเอว รวมถึงหินขนาดใหญ่ที่ไหลบ่าลงมาพร้อมโคลนจากภูเขาทำให้เกิดความเสียหายบริเวณกว้าง มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 17 ราย และอีก 163 รายต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล เบื้องต้นพบว่าผู้เสียชีวิตครั้งนี้มีครอบครัวจากประเทศไทย เป็นเด็กชาย วัย 6 ปี และคนในครอบครัวยังสูญหายอยู่ด้วย อ่านข่าว เล่านาทีโคลนถล่มในอเมริกา คร่าเด็กชายวัย 6 ขวบ พ่อน้องสาวยังหายสาบสูญ

วันที่ 12 ม.ค. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 209 หมู่ 6 ต.โนนสะอาด อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านของ ด.ช.พีรวัฒน์ สุทธิเทพา อายุ 6 ปี ภายหลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศของไทย ออกมาแถลงยืนยันพบผู้เสียชีวิต จากเหตุดินโคนถล่ม ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา และยังคงมีผู้สูญหายอีก 2 คน คือ พ่อและน้องสาวของ ด.ช.พีรวัฒน์ ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบของทีมข่าวพบว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านปูน 2 ชั้น อยู่บริเวณด้านข้าง ค่ายมหาศักดิ์พลเสพ ร.8 พัน 2 โดยบริเวณด้านหน้าทำเป็นอาคารร้านจำหน่ายสินค้า โดยถูกปิดประตูล็อคไว้อย่างแน่นหนาคล้ายกับไม่มีผู้พักอาศัยมาเป็นระยะเวลานาน โดยพบกับนายพิชิต ลาสอน กำนัน ต.โนนสะอาด และ นายปรีชา ลาวรณา สารวัตรกำนัน ต.โนนสะอาด ซึ่งเข้ามาตรวจสอบเช่นกัน

นายปรีชา กล่าวว่า บ้านหลังดังกล่าวถูกปล่อยร้างทิ้งไว้นานกว่า 2 ปีแล้ว เนื่องจากครอบครัวย้ายไปทำงานที่สหรัฐอเมริกา จากการตรวจสอบข้อมูลทะเบียนราษฎร์พบว่าบ้านหลังนี้มีผู้พักอาศัยทั้งหมด 5 คน ประกอบด้วย จ.ส.อ.ถนอม บัญญัติตระกุลปาน, นางยุภาวรรณ บัญญัติตระกูลปาน, ด.ช.พีรวัฒน์ สุทธิเทพา หรือน้องพิตต้า อายุ 6 ปี และ ด.ญ.ลิเดีย สุทธิเทพา อายุ 3 ปี ปัจจุบันพ่อและแม่ของนางยุภาวรณ นั้น ย้ายไปอยู่ที่ อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น ทำให้บ้านหลังนี้ปล่อยถูกทิ้งร้างไว้

“ตอนนี้คนในชุมชนได้ทราบข่าวถึงการเสียชีวิตของน้องพิตต้าและครอบครัวของน้องยุภาวรรณ ได้รับทราบข่าวแล้วเช่นกัน แต่ยังคงไม่ได้มีการติดต่อประสานงานใดๆ โดยบ้านหลังนี้เดิมครอบครัวของยุภาวรรณ รวมทั้งสามี คือนายพิชิต สุทธิเทพา ลูกๆ คือน้องพิตต้าและน้องลิเดีย นั้นพักอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่นายพิชิต ได้ไปทำงานที่สหรัฐอเมริกา เนื่องจากมารดาของนายพิชิต ได้แต่งงานกับชาวสหรัฐและได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่นั่นทั้งหมด ทำให้นายพิชิต แวะเวียนไปมาระหว่างไทยและสหรัฐ ก่อนที่จะตัดสินใจพานางยุภาวรรณ ผู้รอดชีวิตและลูกๆ ทั้ง 2 คนไปทำงานและพักอาศัยด้วยกันที่สหรัฐ มาได้ 2 ปีแล้ว จนกระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น”

นายพิชิต กล่าวว่า ครอบครัวของผู้เสียชิวืตนั้นเป็นคนดี ร่าเริงแจ่มใส มีอัธยาศัยและนำใจต่อเพื่อนบ้านเป็นอย่างดี น้องพิตต้า ที่เสียชีวิต ก็เป็นเด็กร่าเริง ขี้เล่น ชอบวิ่งหบอกล้อกับเพื่อนบ้านตามประสาเด็ก ตอนก่อนเดินทางไปอยู่กับครอบครัวที่สหรัฐฯ ทุกคนใจหายและมาทราบข่าวการเสียชีวิตเบื้องต้น 1 คน และหายสาบสูญอีก 2 คน คือนายพิชิต และ ด.ญ.ลิเดีย ทุกท่านเสียใจและใจหายอย่างมาก ได้แต่ภาวนาให้ทุกคนปลอดภัยและรอดชีวิต ส่วนการจัดการเรื่องศพ หรือพิธีการทางการฑูตใดๆ นั้นในฐานะผู้นำชุมชนด้านการปกครองจะประสานการทำงานร่วมกันกับทุกฝ่าย และที่สำคัญคือการต้องหารือกับครอบครัวผู้เสียชีวิตอีกครั้งและทุกอย่างต้องเป็นไปตามระเบียบและพิธีการของทั้ง 2 ประเทศในภาพรวมทั้งหมด

“ผมได้พูดคุยและแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตแล้ว โดยเฉพาะพ่อและแม่ของ น้องยุภาวรรณ ซึ่งขณะนี้อยู่ต่างจังหวัด ขณะนี้ยังคงทำอะไรไม่ได้มาก คงต้องรอการชี้แนะจากผู้รู้และลำดับขั้นตอนของกระทรวงการต่างประเทศ จึงจะวางแผนจัดการศพ หรือการดำเนินการทางพิธีศาสนาของ น้องพิตต้า ต่อไป” นายพิชิต กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน