จากกรณีเกิดเหตุโคลนถล่มทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย เมืองซานตา บาร์บารา รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เพิ่งประสบภัยไฟไหม้ป่าไปเมื่อไม่นานนั้น ได้เกิดเหตุน้ำท่วมและโคลนถล่มซ้ำ ระดับสูงถึงเอว รวมถึงหินขนาดใหญ่ที่ไหลบ่าลงมาพร้อมโคลนจากภูเขาทำให้เกิดความเสียหายบริเวณกว้าง มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 17 ราย และอีก 163 รายต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล เบื้องต้นพบว่าผู้เสียชีวิตครั้งนี้มีครอบครัวจากประเทศไทย เป็นเด็กชาย วัย 6 ปี และคนในครอบครัวยังสูญหายอยู่ด้วย อ่านข่าว เพื่อนบ้านสะเทือนใจ รู้ข่าวโคลนถล่มที่อเมริกา คร่า ดช.6 ขวบ เผยบ้านถูกปล่อยร้างมา 2 ปีแล้ว

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 287 ม.13 บ้านโนนทัน ต.นาจาน อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น เป็นร้านจำหน่ายของชำของนางยุภาวรรณ หรืออ้อ บัญญัติตระกูลปาน อายุ 31 ปี ผู้ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ดินโคลนถล่ม เป็นแม่ของ ด.ช.พีรวัฒน์ สุทธิเทพา หรือน้องพาสต้า อายุ 6 ขวบ ที่เสียชีวิต รวมถึงสามี นายพินิจ สุทธิเทพา อายุ 30 ปี และลูกสาวคนเล็ก น้องลิเดีย อายุ 3 ขวบ ซึ่งขณะนี้สูญหายยังไม่ทราบชะตากรรม อยู่ระหว่างการค้นหา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พบชาวบ้านที่ทราบข่าวเดินทางมาสอบถามถึงเหตุการณ์และให้กำลังใจ ภายในบ้านพบนางนิตยา บัญญัติตระกูลปาน อายุ 59 ปี แม่ของนางยุภาวรรณ อยู่ในอาการเศร้าสลด พร้อมกอดภาพถ่ายของน้องพาสต้าที่เสียชีวิตไว้แนบอก

นางนิตยา กล่าวว่า ตนรู้สึกช็อกและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวเป็นอย่างมาก ไม่น่าเกิดขึ้นเลย ซึ่งนางยุภาวรรณ หรืออ้อ โทรมาเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า คืนวันที่เกิดเหตุตนออกไปทำงานที่ห้างกับนางบุญเติม แม่ของนายพินิจ ปล่อยให้ทุกคนอยู่บ้าน มีนายริชาร์ค พ่อนายพินิจ นายพินิจ สามี น้องพาสต้า และน้องลิเดีย ซึ่งทุกคนหลับอยู่ภายในบ้านไม่ทันระวังตัว เกิดเหตุการณ์ดินโคลนไหลถล่มทับบ้านเรือนสูญหายไปทั้งหมด

ซึ่งทางการของรัฐได้แจ้งเตือนไว้ให้เฝ้าระวัง แต่ยังไม่ถึงขั้นให้อพยพ เพราะปกติถ้าให้อพยพจะมีเจ้าหน้าที่มาเคาะประตูบ้านเพื่อแจ้งข่าว แต่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัยคือลมและทิศทาง โคลนเปลี่ยนทิศหันพุ่งตรงเข้าหมู่บ้านของตนอย่างจัง ทำให้ทุกสิ่งหายไปในพริบตา ซึ่งถ้าตนกับนางบุญเติม ไม่ไปทำงานก็คงมีชะตากรรมที่ไม่ต่างกัน เพราะช่วงเวลาที่เกิดเหตุ ประมาณ ตี 2 ทุกคนกำลังนอนหลับพักผ่อนอยู่ภายในบ้าน

“ดิฉันกับลูกสาวโทรพูดคุยติดต่อกันเป็นประจำ ก่อนเกิดเหตุโทรมาว่า จะพากันกลับมาเยี่ยมบ้านแต่รอลูกปิดเทอมก่อน เพราะเพิ่งติดตามสามีไปอยู่ที่นั่นได้ปีกว่า ส่วนสามีคือนายพินิจไปอยู่ที่นั่นกับนายริชาร์คพ่อของเขา ตั้งแต่เด็ก ทำงานที่บริษัทโตโยต้า ตอนนี้ก็รอแต่ปาฏิหาริย์ให้พบตัวนายพินิจและน้องลิเดีย ในสภาพมีชีวิตหรือไม่ก็ตาม ซึ่งในขณะนี้ทางครอบครัวในประเทศไทยยังไม่ได้ดำเนินการอะไร คงต้องรออีกสักระยะ เพราะนายพินิจและน้องลิเดียยังไม่พบตัว จึงยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะดำเนินการกันต่ออย่างไร ในเรื่องการเคลื่อนย้ายศพ ส่วนทางการไทยในขณะนี้ยังไม่มีใครประสานหรือติดต่อมา จึงอยากขอให้ทางสถานทูตติดต่อกับลูกสาว เพื่อช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัยในระหว่างรอการค้นหา รวมถึงช่วยเหลือด้านเอกสารต่างๆ เนื่องจากหลังเกิดเหตุไม่มีอะไรเหลือติดตัวออกมาเลย” นางนิตยา กล่าว

 

ภาพบางส่วนจาก เฟซบุ๊ก SiamTownUS

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน