เมื่อวันที่ 18 ม.ค. พ.ต.ต.อธิศ แสนเภา สว.(สอบสวน) สภ.เฝ้าไร่ จ.หนองคาย เปิดเผยว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ได้รับแจ้งเหตุคนถูกยิงเสียชีวิต ที่กระท่อมสวนยางพารา บ้านคำโคนสว่าง ต.อุดมพร อ.เฝ้าไร่ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปตรวจสอบ พร้อมพ.ต.อ.อรรคพงศ์ พิมลศิริ รองผบก.ภ.จ.หนองคาย, พ.ต.อ.ศุภชาติ เวชพร ผกก.สส.ภ.จ.หนองคาย และพ.ต.ท.ญ.เพียงหทัย สุพล หัวหน้าพิสูจน์หลักฐาน จ.หนองคาย พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง

ที่เกิดเหตุเป็นกระท่อมสร้างด้วยปูนชั้นเดียว ไม่มีประตู พบศพด.ช.ภัทรพล (สงวนนามสกุล) อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.หนองคาย สภาพศพสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงวอร์มขายาวสีกรมท่า ถูกปืนลูกซองยิงเข้าที่ท้ายทอยและกลางหลัง เสียชีวิตภายในมุ้ง นอกจากนี้ ยังพบปลอกกระสุนปืนลูกซอง 3 ปลอก กระสุนลูกซอง 1 นัด เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

หลังเกิดเหตุพ.ต.อ.อรรคพงศ์ พิมลศิริ รองผบก.ภ.จ.หนองคาย และพ.ต.อ.ศุภชาติ เวชพร ผกก.สส.ภ.จ.หนองคาย ได้นำเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.หนองคาย และชุดสืบสวน สภ.เฝ้าไร่ จัดกำลังหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ จนกระทั่งเวลาประมาณ 02.00 น.ของวันที่ 18 ม.ค. เจ้าหน้าที่พบรถจักรยานยนต์คันหนึ่งเสียบกุญแจล้มตะแคงอยู่ริมถนน ห่างจากกระท่อมที่เกิดเหตุมาประมาณ 500 เมตร แต่ไม่พบตัวบุคคล

ต่อมาไม่นานเจ้าหน้าที่พบนายทวีศักดิ์ โพธิ์เลิง อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 ม.14 บ้านใหม่พัฒนา ต.อุดมพร อ.เฝ้าไร่ เดินวนเวียนอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุท่าทางมีพิรุธ ตามร่างกายมีบาดแผลจากอุบัติเหตุ จึงเข้าสอบถามและควบคุมตัวไว้ โดยนายทวีศักดิ์ อยู่ในสภาพคล้ายคนเมา พูดจาวกวน ใบหน้ามีแผลถลอก กระทั่งนายทวีศักดิ์ ได้ยอมรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือยิงด.ช.ภัทรพลกับมือ แล้วนำปืนลูกซองไปทิ้งในป่า เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวนายทวีศักดิ์ไว้ แล้วตระเวนหาปืนลูกซองที่ใช้ก่อเหตุนานหลายชั่วโมงก็ยังไม่พบ

พ.ต.อ.อรรคพงศ์ กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายทวีศักดิ์ได้ไปกินเหล้ากับเพื่อนที่บ้านดงหม้อทองใต้ อ.บ้านม่วง จ.สกลนคร ซึ่งห่างจากหมู่บ้านของผู้เสียชีวิตเพียง 6 กิโลเมตร หลังจากเพื่อนเมาแล้วเผลอหลับ นายทวีศักดิ์ได้แอบขี่รถจักรยานยนต์ของเพื่อนและนำปืนลูกซองของพ่อเพื่อนซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ขณะไปทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยในหมู่บ้านไปด้วย แล้วมาลงมือก่อเหตุยิงด.ช.ภัทรพลเสียชีวิตดังกล่าว








Advertisement

พ.ต.อ.อรรคพงศ์ กล่าวต่อว่า เมื่อแม่ของด.ช.ภัทรพลทราบว่าลูกชายเสียชีวิตก็รีบพาลูกชายกลับเข้าบ้านในตัวหมู่บ้าน ระหว่างนั้นคาดว่านายทวีศักดิ์จะย้อนกลับมายังกระท่อมอีก เนื่องจากมีร่องรอยการรื้อค้น มีซองกาแฟถูกฉีกชงดื่ม และนายทวีศักดิ์ได้นำเสื้อแจ็กเก็ตของผู้เสียชีวิตมาใส่ เป็นจังหวะเดียวกับที่ พ.ต.อ.ศุภชาตินำกำลังย้อนกลับมายังที่เกิดเหตุอีกครั้ง ก็มาเจอนายทวีศักดิ์ อยู่ในสภาพสวมกางเกงบ๊อกเซอร์และเสื้อแจ็กเก็ตของผู้เสียชีวิต เดินวนเวียนอยู่ใกล้กระท่อมที่เกิดเหตุ

พ.ต.อ.อรรคพงศ์ กล่าวอีกว่า โดยผู้ต้องหาบอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเอาปืนลูกซองไปทิ้งในป่า ซึ่งนายทวีศักดิ์ยังมีประวัติต้องโทษคดีพกพาอาวุธปืนและยิงปืนในที่สาธารณะ ถูกจำคุก 2 ปี และเพิ่งพ้นโทษออกมาไม่นานก็มาก่อเหตุอีก

ขณะที่นายทวีศักดิ์ ได้พูดคุยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนไม่รู้จักกับผู้เสียชีวิต รู้เพียงผิวเผินว่า เป็นกระเทย และเคยเห็นด.ช.ภัทรพลไปเต้นหน้าเวทีหมอลำละแวกบ้าน ตนเป็นคนไม่ชอบตุ๊ด เกลียดกระเทย หลังจากดื่มเหล้ากับเพื่อนได้ที่แล้ว เห็นเพื่อนเมาก็เลยเอาปืนของพ่อเพื่อนและขี่รถจักรยานยนต์เพื่อนมาตามถนนระหว่างบ้านคำโคนสว่าง–คำชิ ห่างจากกระท่อมของผู้เสียชีวิตประมาณ 500 เมตร

นายทวีศักดิ์ กล่าวต่อว่า แต่ด้วยความเมาจึงเกิดอุบัติเหตุรถล้ม ตนจึงทิ้งรถแล้วถือปืนเดินกลับมายังกระท่อม ซึ่งมีการก่อกองไฟข้างกระท่อมไว้ และจำได้ว่าเป็นกระท่อมของด.ช.ภัทรพล จึงเดินไป ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่หมาเห่า แล้วตนได้ยินเสียงด.ช.ภัทรพลไล่สุนัข ก็เลยใช้ปืนไปกระหน่ำยิง โดยที่ด.ช.ภัทรพลกำลังนอนหันหลัง แล้วตนก็เดินออกมา ซึ่งยอมรับว่าตนเป็นคนไม่ชอบกระเทย เห็นแล้วจะรู้สึกไม่ดี ก็เลยลงมือก่อเหตุ

ด้าน นายสมจิตร โพธิ์เลิง อายุ 74 ปี ตาของนายทวีศักดิ์ ผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า หลานชายของตนมีอาการทางจิตตั้งแต่เด็ก ชอบโกหก พูดจากลับกลอก เสพยาบ้า และติดสุรา พอขอเงินตนไม่ได้ก็ขู่จะทำร้าย ตนก็คอยเตือนแต่ก็ไม่ฟัง ซึ่งตนก็ไม่รู้จักกับผู้เสียชีวิตมาก่อน ไม่นึกว่าหลานชายจะก่อเรื่องขึ้น

ขณะที่ นางอรุณี เทียมอาจ อายุ 51 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ลูกชายเป็นลูกคนที่ 3 จากบรรดา 4 คน ลูกเป็นกระเทย แต่เรียนดี นิสัยดี เป็นที่รักของเพื่อนและครูที่โรงเรียน เคยเป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งขันทักษะทางวิชาการและเล่นกีฬาตัวแทนนักเรียนทุกปี ซึ่งไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใคร ไม่เคยมีศัตรู ทุกวันลูกชายจะนอนที่บ้าน แต่เมื่อคืนลูกชายขอมานอนเป็นเพื่อนตนกับน้องชายที่กระท่อมสวนยาง

นางอรุณี กล่าวต่อว่า โดยกระท่อมจะกั้นปูนไว้ชั้นหนึ่ง ตนกับลูกคนเล็กนอนข้างใน ลูกชายนอนในมุ้งเล่นโทรศัพท์อยู่ด้านนอก ไม่นานก็ได้ยินเสียงสุนัขเห่า ตนจึงบอกให้ลูกชายไล่สุนัข ลูกชายก็ทำเสียงไล่สุนัข ไม่นานก็ได้ยินเสียงเหมือนประทัด 3 ครั้ง ก็ไม่เอะใจ นึกว่าลูกชายจุดประทัดไล่สุนัขตามปกติ จนกระทั่งผ่านไปประมาณ 20 นาที ตนเรียกลูกชายก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับ จึงลุกมาดูก็เห็นลูกชายเสียชีวิตนอนแน่นิ่งเลือดไหลเต็มพื้น ด้วยความตกใจรีบพาลูกกลับเข้าตัวหมู่บ้านและแจ้งตำรวจดังกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน