จากกรณีเมื่อวันที่ 28 มค มีการแชร์เฟซบุ๊กของ Hawa Hawax ผู้เข้าประกวดนักร้อง เดอะแฟคเตอร์ไทยแลนด์ ซึ่งเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวโพสต์ข้อความและภาพรถยนต์ของตนเอง ได้รับความเสียหายจากการถูกรถยนต์บรรทุกที่วิ่งตามมาชนท้าย โดยเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวระบุว่า ขณะขับรถไปเล่นดนตรีที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีตำรวจทางหลวงเดินมากลางถนน เพื่อโบกรถสิบล้อคันข้างหลังที่อยู่เลนขวาสุดให้หยุด ทำให้รถบรรทุกเบรกไม่ทันพุ่งชนท้ายรถของนักร้องสาว ได้รับความเสียหายและเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บ โดยวิพากย์วิจารณ์ว่าเป็นเพราะตำรวจทางหลวงตั้งด่านลอยหรือไม่ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

เมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 29 มค ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ พ.ต.ต.ขุนเขา โพธิ์สุวรรณ สว.สทล.1 กก.1 บก.ทล. ได้รับการเปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุได้ประสานกับ ร.ต.อ.ยศวัฒน์ เอกกกุล ร้อยเวรสอบสวน สทล.1 ไปตรวจสอบและสอบสวนตำรวจที่ปฎิบัติหน้าที่ ซึ่งได้รับการยืนยันว่าขณะปฎิบัติหน้าที่ ตำรวจทั้งสองนายพบรถยนต์บรรทุกน้ำมันพืช ทะเบียนป้ายเหลือง 72-5397 สมุทรสาคร วิ่งมาในช่องทางขวา จึงออกไปเรียก โดยมีรถยนต์ของน.ส.อรวี ชูชื่น หรือ ฮาวา นำหน้ามา เมื่อรถของฮาวา เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจโบก จึงหยุดทันที ทำให้รถบรรทุกที่ตามมาพุ่งเข้าชนดังกล่าว

โดยได้เรียกทั้งสองคนมาสอบเบื้องต้นก็สั่งงดปฎิบัติหน้าที่ และส่งตัวไปยังกองบังคับการตำรวจทางหลวง เพื่อสอบสวน ซึ่งต้องรอดูผลการสอบสวนว่าการปฎิบัติหน้าที่บกพร่องหรือไม่อย่างไร และมีความเสี่ยงต่อการทำให้ผู้อื่นเกิดอันตรายหรือไม่ ซึ่งทางหลวงได้มีการเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยอยู่เสมอ อย่างไรก็ตามการปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจทางหลวงที่ผ่านมา จะใช้รถวิทยุตรวจเขตวิ่งตระเวนในเส้นทางรับผิดชอบ

เมื่อพบเห็นการกระทำผิดซึ่งหน้าก็จะทำการเรียก เพื่อออกใบสั่งให้ไปเสียค่าปรับ จะไม่เรียกรับหรือปรับทันที จึงไม่ใช่การตั้งด่านลอยอย่างที่เข้าใจ และอยากให้สังคมเข้าใจการทำงานของตำรวจทางหลวง โดยเฉพาะวันหยุดมีรถเข้าออกจากกรุงเทพต่างจังหวัดมาก สิ่งที่ตำรวจทางหลวงทำคือการเฝ้าระวังและป้องปราม เนื่องจากได้รับร้องเรียนว่ามีรถบรรทุกวิ่งในช่องทางขวาจำนวนมาก จึงต้องออกไปคอยเฝ้าและจับกุมตามหน้าที่ ส่วนจะเป็นการใช้วิธีการที่เสี่ยงหรือไม่อย่างไรต้องรอความเห็นจากการสอบสวน

ร.ต.อ.ยศวัฒน์ กล่าวว่า ตำรวจที่ปฎิบัติหน้าที่ครั้งนี้คือ ด.ต.ดนัย ซ่อนกลิ่น ทำหน้าที่พลขับและพนักงานวิทยุประจำรถตรวจเขต เป็นคนที่เข้าไปคุยข้างรถยนต์คันเกิดเหตุตามคลิป และอีกนายคือ ด.ต.ประจักษ์ เย็นสุวรรณ พนักงานวิทยุประจำรถ ทั้งสองนายเป็นตำรวจที่มีผลงานในด้านการให้บริการประชาชน ซึ่งประจำรถตรวจหมายเลข 1130 ซึ่งจะรับผิดชอบในการตรวจเส้นทางตั้งแต่แยกเทคโนปทุมธานี ไปจนถึง อ.มหาราช ระยะทาง 65 ก.ม.

จากการสอบสวนทั้งสองนายยืนยันว่า ไม่ได้เจตนาที่จะไปเรียกตรวจ เพียงแต่ก่อนหน้านั้นได้พบว่ามีรถบรรทุกวิ่งในช่องทางขวาหลายคัน และได้จับกุมไปก่อนหน้า 1 คัน ขณะเดียวกันก็มองเห็นรถบรรทุกน้ำมันดังกล่าววิ่งมาช่องทางขวา แต่พอดีมีรถยนต์ของผู้เสียหายวิ่งนำหน้ามา เข้าใจว่าคงตกใจจึงเบรกกะทันหัน จึงได้เบรกไม่ทันพุ่งชนรถยนต์ดังกล่าว ซึ่งหลังเกิดเหตุก็แจ้งผู้บังคับบัญชาและประสานท้องที่ สภ.บางปะอิน เข้ามาดำเนินการ โดยนำตัวคนขับรถยนต์บรรทุกไปดำเนินคดีทันที ส่วนน้องฮาวาก็นำส่งรพ.บางปะอินตามขั้นตอน หลังสอบสวนเบื้องต้นก็ได้ส่งตัวไปยัง บก.ทล.เพื่อรายงานตัว 10.00 น. วันเดียวกัน คงต้องรอผลสรุปจากทางกองบังคับการอีกครั้ง

ด้าน สภ.บางปะอิน พบว่าทางประกันภัยของทั้งสองฝ่ายได้มาดำเนินการตามขั้นตอน และนำรถคู่กรณีออกจากสภ.ไปแล้ว และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหานายมนตรี ยาประดิษฐ์ คนขับรถบรรทุกแล้ว ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และได้รับบาดเจ็บ โดยเปรียบเทียบปรับไป 400 บาท และทางประกันก็เป็นผู้ดูแลผู้บาดเจ็บและรถยนต์ของน้องฮาวาที่เสียหาย ซึ่งถือว่าไม่มีเรื่องทางคดีแล้ว เนื่องจากคนขับรถบรรทุกรับผิดแล้ว

ด้านนายมนตรี เจ้าของรถยนต์บรรทุก เปิดเผยนาที ที่เกิดเหตุว่าวิ่งมาด้วยความเร็วประมาณ 70 กม.ต่อชั่วโมง รถเป็นรถบรรทุกน้ำโซดามา เพื่อที่จะไปป่าโมก จ.อ่างทอง ซึ่งที่วิ่งมาทางขวาตลอดเนื่องจากทางซ้ายถนนเป็นคลื่น มาเห็นตำรวจระยะใกล้ออกมาโบกไม่กี่วินาที รถของผู้เสียหายคันหน้าก็เบรกกะทันหัน ตนก็เบรกตามระยะประมาณ 10 เมตร แต่ด้วยความที่รถวิ่งลอยมาแล้ว ทำให้น้ำหนักกับความเร็วมีมาก ไม่สามารถเบรกได้ทันที จึงพุ่งเข้าไปชนท้ายรถดังกล่าว

จากนั้นตนก็มีอารมณ์ลงไปต่อว่ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งมาขอใบอนุญาตขับขี่ตน แต่ตนไม่ให้ เพราะเห็นว่าทำให้เกิดอุบัติเหตุ และเห็นว่าตำรวจน่าจะไปดูคนเจ็บก่อนมาห่วงยึดใบขับขี่ตน แต่ที่สุดตนก็ต้องไป สภ.บางปะอิน และยอมรับผิดประมาท ทั้งนี้ไม่อยากมีเรื่อง ซึ่งตำรวจควรจะมีวิธีการโบกรถที่ทำให้เกิดเหตุน้อยที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน