สั่งให้ออก-สอบวินัยร้ายแรง ‘พ.ต.ท.’ ขายข้อมูลให้แก๊งคอลฯ ได้เดือนละ 6 แสน เจ้าตัวปฏิเสธ เผยปกติมีเงินถูก กม.ใช้เดือนละกว่า 1 แสนบาทอยู่แล้ว

จากกรณีตำรวจไซเบอร์จับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมขบวนการด้วย 2 ราย โดยรายแรกเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ พ.ต.ท. ส่วนอีกคนเป็นหญิง เจ้าหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ โดยนำข้อมูลของคนไทยไปขายให้แก๊งคอลฯ รายได้ต่อวันประมาณ 2 หมื่นบาท เฉลี่ยเดือนละ 6 แสนบาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว งามไส้! จับ “พ.ต.ท.-จนท.กระทรวง” ขายข้อมูลคนไทยให้แก๊งคอลฯ ได้เดือนละ 6 แสนบาท

ล่าสุดวันที่ 29 ต.ค.65 มีรายงานแจ้งว่า ตำรวจภูธรประจวบคีรีขันธ์ ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 10 ต.ค.65 ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง นายตำรวจยศ พ.ต.ท. ตำแหน่ง สวป.สภ.อ่าวน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ลงนามในคำสั่งเมื่อวันที่ 12 ต.ค.65 โดยมี พ.ต.อ.กิตติภพ ชมภูนุช รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนฯ

มีรายงานเพิ่มเติมว่า จากพฤติการณ์ ของ พ.ต.ท.คนดังกล่าว ได้เข้ารหัสเฉพาะของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเข้าไปกดดูฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของผู้เสียหาย (ทร.14) นับครั้งไม่ถ้วน รวมทั้งความถี่ในการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร จนเป็นเหตุแห่งการสงสัยนั้น

ซึ่งแหล่งข่าวระดับสูงให้ข้อมูลว่า พ.ต.ท.กล่าวอ้างว่า การให้ข้อมูลกับเพื่อนหญิง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์นั้น เป็นการนำไปใช้เพื่องานวิจัยในระดับปริญญาโทเท่านั้น ไม่ใช่การนำไปขายให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยอ้างว่าเริ่มพฤติกรรมตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากมีผลตอบแทนเป็นเงินโอนเข้าบัญชีเดือนละกว่า 6 แสนบาท

ทั้งนี้ยังมีรายงานด้วยว่า พื้นฐานครอบครัวของ พ.ต.ท.นั้น ครอบครัวมีฐานะดี ปัจจุบันได้รับเงินกงสีเดือนละ 50,000 บาท และยังเพิ่มให้อีก 20,000 บาท ยังไม่รวมเงินเดือนตำรวจ และรายได้อื่นๆ ซึ่ง พ.ต.ท.จะมีเงินใช้เดือนละไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท

อย่างไรก็ตามคาดว่า พ.ต.ท.จะถูกตั้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกง และ ม.157 ใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และอาจถูกตั้งข้อหาอื่นร่วมด้วย เนื่องจากยังมีหมายจับอีก 2 หมายที่กรุงเทพมหานคร

ขณะที่ พล.ต.ต.วันชัย ธารณธรรม ผบก.ภ.จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ตามหนังสือคำสั่ง ตร.ภ.จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 65 โดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ 10 ต.ค.65 พร้อมแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมา 1 ชุด โดยมี ผกก.สภ.อ่าวน้อย เป็นประธานคณะกรรมการ พร้อมทั้งทีมพนักงานสอบสวนระดับจังหวัด 3 คน

ซึ่งจากการสอบปากคำเบื่องต้น ผู้ต้องหาได้ให้การปฎิเสธ อย่างไรก็ดี ขณะนี้คณะกรรมการได้ส่งตัวผู้ต้องหาฝากขังต่อศาลจังหวัดประจวบฯ โดยผู้ต้องหาได้ยื่นประกันตัวต่อศาลเพื่อที่จะต่อสู้คดี โดยศาลได้อนุญาตให้ประกันตัวได้ ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนมีอำนาจในการเรียกสอบปากคำเพิ่มเติมในทุกกรณี เพื่อให้ได้รายละเอียดในการสอบสวนเป็นไปอย่างรัดกุม และคดีนี้ถือเป็นเรื่องใหม่ ที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยได้รับความสนใจจากผู้บังคับบัญชาและประชาชนทั่วไปอย่างมาก ซึ่งได้กำชับคณะกรรมการสอบสวนและทีมงานให้ดำเนินการอย่างเต็มที่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน