จากกรณีที่มีการเเชร์คำสั่งอัยการสูงสุดในโลกออนไลน์ “เคยมีคำสั่ง อสส.(อัยการสูงสุด) เด็ดขาดไม่ฟ้อง หวยลอตเตอรี่ ไม่ใช่ทรัพย์มีทะเบียน ผู้ใดครอบครองย่อมเป็นเจ้าของลอตเตอรี่ ไม่ต้องจัดให้มีการลงชื่อก่อนซื้อเหมือนกู้เงินสหกรณ์ หรือการเข้าพักโรงแรม จึงระบุตัวผู้ซื้อและขายจำเพาะเจาะจงได้ยาก แม้ซื้อมาแล้ว ก็แบ่งหรือขายให้ผู้อื่นได้ ไม่จำต้องขออนุญาตเหมือนอาวุธปืน ทรัพย์เมื่อตกหล่นสูญหาย เจ้าของทรัพย์ต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงานทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หวยเป็นชุด หลายใบ เจ้าของอ้างว่าจำหมายเลขได้ มีภาพถ่าย ยิ่งเป็นการแจ้งความไว้จำเพาะเจาะจง พิสูจน์ได้ง่าย

เมื่อไม่ปรากฎว่า มีการแจ้งความลงหมายเลขสลากและหมายเลขชุดสลากไว้ก่อน กลับมีการแจ้งความในภายหลังจากที่สลากประกาศผลรางวัลแล้ว คดีจึงมีเหตุอันควรสงสัยว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของสลากและได้ทำสลากหายจริงหรือไม่ เมื่อไม่มีพยานอันหนักแน่นเพียงพอ ผู้ครอบครองสลากจึงเป็นผู้มีสิทธิดีกว่า ประกอบกับด้านหลังสลากได้มีคำเตือนระบุว่า จะจ่ายเงินรางวัลแก่ผู้ครอบครองสลากเท่านั้น จึงไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอว่า ผู้ครอบครองสลาก ได้สลากมาโดยมิชอบ จึงมีคำสั่ง ไม่ฟ้อง”

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ก.พ. นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษก อสส. กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนขอยก คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2578/2530 ที่ระบุว่า เงื่อนไขการรับรางวัลที่ได้ระบุไว้ด้านหลังสลากกินแบ่งทุกฉบับว่าเงินรางวัลจะจ่ายแก่ผู้ถือสลากฉบับที่ถูกรางวัลนำมาขอรับ เป็นข้อกำหนดที่มี ไว้เพื่อจะจ่ายเงินให้เจ้าของสลากกินแบ่งที่แท้จริงป้องกันผู้ทุจริตแอบอ้างมารับเงินรางวัล เพื่อให้มีหลักฐานในการที่จะจ่ายเงินให้แก่ผู้ถูกรางวัลเท่านั้น ไม่ใช่ข้อกำหนดที่จะไม่จ่ายเงินรางวัลแก่ผู้ถูกรางวัลที่สลากหายไป เมื่อโจทก์เป็นเจ้าของสลากกินแบ่งที่ถูกรางวัล โจทก์จึงมีสิทธิที่จะได้รับรางวัลสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจะอ้างข้อกำหนดนี้เพื่อไม่จ่ายเงินรางวัลให้แก่โจทก์หาได้ไม่

นายโกศลวัฒน์ กล่าวต่อว่า เเละคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11224/2555 ระบุว่า การที่สลากกินแบ่งรัฐบาลถูกรางวัลที่หนึ่งและจำเลยทั้งสองร่วมกันไปรับเงินรางวัลมาแล้ว ย่อมทำให้โจทก์ร่วมหมดโอกาสที่จะได้รับเงินรางวัล เท่ากับว่าโจทก์ร่วมต้องสูญเสียเงินจำนวนนั้นไป เนื่องจากการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองโดยตรง โจทก์จึงมีสิทธิขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงินหรือใช้เงินเท่ากับจำนวนเงินรางวัลที่หนึ่งให้แก่โจทก์ร่วมได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 43

นายโกศลวัฒน์ กล่าวอีกว่า แต่ได้ความว่าในการขอรับเงินรางวัล จำเลยทั้งสองได้รับเงินมาเพียง 3,980,000 บาท เพราะต้องเสียอากรแสตมป์ 20,000 บาท จำเลยทั้งสองต้องคืนหรือใช้เงินจำนวนเท่าที่ได้รับมาเท่านั้น และโจทก์ร่วมซึ่งได้รับความเสียหายในทางทรัพย์สินอันเนื่องมาจากการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสองย่อมมีสิทธิที่จะขอให้บังคับจำเลยทั้งสองใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วม โดยเรียกดอกเบี้ยในจำนวนเงินที่ต้องใช้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 440 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 44/1 ได้

จากฎีกาที่กล่าวมานั้น จะเห็นได้ว่าเรื่องหวยหายก็มีมานานแล้วตั้งแต่อดีต ในส่วนคดีคงต้องแล้วแต่ข้อเท็จจริงเป็นกรณีไป ข้อเท็จจริงในคดีใด ก็มีผลเฉพาะคดีนั้นจะนำมาเทียบเคียงแล้ววินิจฉัยเลยทีเดียวไม่ได้ อัยการเจ้าของสำนวน คงจะต้องพิจารณา จากพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายว่า นำพยานอะไรบ้าง เข้าสู่สำนวน มาพิจารณาดูว่าความน่าเชื่อถือของพยานหักล้างกันอย่างไรบ้าง ซึ่งรายละเอียดของพยานในเเต่สำนวนไม่เหมือนกัน ซึ่งเเต่ละสำนวนย่อมไม่มีทางเหมือนกันทั้งหมดได้อยู่แล้ว ก็ต้องถือตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ในแต่ละสำนวนกันไป อย่างที่ตนได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าอัยการจะพิจารณาจากพยานหลักฐานไม่ใช่กระแสโซเชียล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน