หญิงเข้าป่าไปเก็บขิงข่า ถูกคนร้ายจี้เป็นตัวประกัน กะฆ่าทิ้ง แต่คนในแก๊งห้ามไว้ ก่อนป้ายยาสลบ นำตัวไปทิ้งในอุทยาน ลูกร่ำไห้แจ้งตร.ไม่รับเรื่อง อ้างโกหก

เมื่อวันที่ 12 ม.ค.66 นายบุญธรรม สุพี้ ผู้ใหญ่บ้านปางมะโอ ต.วังเงิน อ.แม่ทะ จ.ลำปาง เตือนให้ชาวบ้านในพื้นที่ ระมัดระวังตัวเมื่อเจอบุคคลแปลกหน้าที่จะเข้ามาในหมู่บ้านหลังจากเมื่อวานนี้ (11 ม.ค.66) เกิดเหตุ นางคำปัน อายุ 65 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ ถูกคนร้ายเป็นชาย 2 คน สวมชุดดำ พร้อมอาวุธปืนครบมือ ก่อเหตุลักพาตัว เข้าไปในป่าเขตอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย ซึ่งเป็นเขาสูงเขตรอยต่อ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง และ อ.สอง จ.แพร่ โดยการลักพาตัวไปในครั้งนี้ เป็นลักษณะจับไว้เป็นตัวประกัน ก่อนไปปล่อยทิ้งไว้ในป่า

ทำให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองของ อ.แม่ทะ ที่ได้รับแจ้ง รุดเข้าไปช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน กระทั่งนำตัวออกมาได้ ท่ามกลางสภาพที่อิดโรยและหมดแรง เจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยแม่ทะ จึงนำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลแม่ทะ แต่เนื่องจากร่างกายอ่อนเพลียมาก จึงต้องนำตัวส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลลำปาง ขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว แต่ร่างกายยังอ่อนเพลีย

โดยผู้ใหญ่บ้านปางมะโอ เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้ได้รับการประสานขอความช่วยเหลือจากลูกสาวของหญิงรายนี้ว่า แม่ถูกจับตัวไป ตอนแรกนึกว่าเป็นกำลังเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ที่อาจจะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่และจับกุม แต่เมื่อประสานงานตรวจสอบไปยังหน่วยอุทยานฯ ก็พบว่าไม่มีการออกปฏิบัติหน้าที่

ดังนั้น เรื่องหญิงลูกบ้านที่ถูกลักพาตัว จึงเป็นเรื่องจริง จึงรีบประสานงานไปยัง อ.แม่ทะ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งนำกำลังให้เข้ามาช่วยเหลือ นับเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในหมู่บ้าน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ก็เตือนภัยให้ลูกบ้านช่วยกันระวัง สอดส่องบุคคลแปลกหน้า

ด้าน น.ส.วาสนา อายุ 43 ปี ลูกสาวของหญิงที่ถูกจับตัวไป กล่าวว่า แม่ออกไปสวนตั้งแต่เช้าเพื่อเก็บขิงและข่าที่ปลูกไว้ กระทั่งช่วงเที่ยงพ่อได้รับโทรศัพท์จากแม่ เพื่อขอความช่วยเหลือว่า ถูกคนร้ายเป็นชาย 2 คน สวมชุดดำ พร้อมมีอาวุธปืนครบมือ ลักษณะปืนยาว จี้ที่หัว บังคับให้เดินเข้ามาในป่าพร้อมกัน ห้ามส่งเสียงเรียก และห้ามขัดขืน ไม่เช่นนั้นจะยิงให้ตาย ทำให้แม่เกิดความกลัว ร้องไห้ไปด้วย เดินไปกลับคนร้าย ซึ่งเมื่อเดินขึ้นไปถึงด้านบน โดยเป็นยอดเขาจุดสูงสุดที่สามารถข้ามไปยังจ.แพร่ได้

หนึ่งในชายคนร้ายตัดสินใจจะฆ่าให้เสียชีวิตอยู่บนเขา แต่ชายอีกคน ซึ่งพูดภาษาไทยกลางห้ามไว้ ก่อนใช้ยาป้ายที่จมูก ทำให้แม่สลบไปนอนอยู่กลางป่า ก่อนที่จะตื่นขึ้นมา และกินน้ำ ที่คนร้ายทิ้งไว้ให้

“หลังทราบเรื่องจากพ่อที่แม่โทรศัพท์มาขอความช่วยเหลือ ตนได้รีบแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านรับทราบ รวมถึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่หน่วยอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย ซึ่งขณะนั้นกำลังประชุมที่หน่วยจึงหยุดประชุมทันที แล้วรีบนำกำลังเข้ามาช่วยติดหาตัว

แต่ที่ตนรู้สึกเสียใจอย่างมาก คือแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ทะ ปรากฏตำรวจบอกว่า เรื่องราวที่ตนแจ้งไปนั้น เป็นเรื่องโกหก หากหายไปอีกวัน ค่อยมาแจ้งความ ตำรวจไม่ว่าง และไม่มีกำลังออกไปตามหา ตนเสียใจอย่างมาก ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่พูดแบบนี้” น.ส.วาสนา กล่าว

จากการสอบถามแม่ บอกว่า คนร้ายข่มขู่ห้ามบอกใครด้วย ห้ามแจ้งความ ไม่งั้นจะกลับมาฆ่าให้ตายยกครอบครัว ดังนั้นจึงอยากวอนให้เจ้าหน้าที่ช่วยมาดูแลความปลอดภัย และช่วยเหลือด้วย ตนห่วงสวัสดิภาพและความปลอดภัย เพราะคนร้ายให้แม่ชี้จุดและทิศทางของบ้าน

ประกอบกับสอบถามบ้านเลขที่ด้วย โดยใช้ข้อมูลบ้านเลขที่ พิมพ์เข้าไปยังอุปกรณ์มือถือ ก็แสดงภาพบ้านด้วย นับเป็นคนร้ายที่แม่บอกว่า น่ากลัวอย่างมาก ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน แต่งชุดดำทั้งชุด ใช้ผ้าปิดบังใบหน้า สะพานกระเป๋าเป้ใบใหญ่สีดำ ซึ่งทั้ง 2 คน มีอาวุธปืนยาวที่เหมืองในหนัง

“เรื่องนี้หลังเกิดเหตุขึ้น หากเจ้าหน้าที่ไม่ดูแลใดๆ เลย ในเรื่องความปลอดภัย ดิฉันพร้อมครอบครัว ก็พร้อมที่จะตายไปพร้อมกันทั้งหมด สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นคาดว่าแม่อาจจะไปเจอคนร้าย ที่กำลังจะขนสิ่งของผิดกฎหมายหรือยาเสพติด ที่ซุกซ่อนในกระเป๋า คนร้ายจึงเกรงว่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร จึงพาตัวแม่เข้าไปในป่าด้วย เพื่อให้เป็นตัวประกัน และหวังจะฆ่าให้เสียชีวิตบนเขาสูง แต่มีคนหนึ่งที่ห้ามไว้ จึงทำให้แม่รอดชีวิตมาได้” น.ส.วาสนา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หมู่บ้านปางมะโอ เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยว โอทอปชื่อดัง มีชื่อเสียงการเพาะเห็ดหอม ตั้งอยู่ริมเขาสูง และเขตป่าอุทยานแห่งชาติเวียงโกศัย ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ริมถนนสายลำปาง-เด่นชัย แพร่ ก่อนถึงด่านตรวจค้นยาเสพติดปางมะโอ ที่ตั้งอยู่บนถนน

จึงคาดว่าอาจจะมีความเป็นไปได้ที่กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติด หรือสิ่งของผิดกฎหมาย จะไม่ลำเลียงผ่านด่านตรวจค้นจุดนี้ จึงเลือกที่จะเดินป่าข้ามเขาขึ้นไป เพื่อไปทะลุ จ.แพร่ ระยะทางไกลประมาณ 10 กิโลเมตร

ที่มา มติชนออนไลน์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน