กรมอนามัย เผยผลวิจัยชี้ “ผู้สูงอายุ” เดินวันละ 9,000 ก้าว ลดการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง

วันที่ 13 ม.ค. 2566 นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า มีผลการวิจัยจากวารสาร The Lancet โดย Assistant Professor Amanda Paluch และคณะ ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนก้าวเดินในแต่ละวันกับการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยวิเคราะห์ข้อมูลจาก 8 การวิจัยขนาดใหญ่ใน 40 ประเทศทั่วโลก โดยติดตามจำนวนก้าวเดินของผู้ใหญ่ อายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 20,152 คน เริ่มตั้งแต่ยังไม่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นระยะเวลาเฉลี่ย 6 ปี โดยเปรียบเทียบผู้ที่มีการก้าวเดินจำนวน 2,000 ก้าวต่อวัน กับผู้ที่เดิน 4,000 ก้าว 6,000 ก้าว และ 9,000 ก้าวต่อวัน

พบว่า จำนวนก้าวต่อวันสามารถช่วยลดการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ได้ร้อยละ 20, 38 และ 49 ตามลำดับ (Hazard ratio = 0.80, 0.62 และ 0.51) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ มีการควบคุมปัจจัยร่วมอื่นๆ เช่น อายุ เพศ การศึกษา รายได้ ดัชนีมวลกาย การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ ภาวะความดันโลหิตสูง เบาหวาน เป็นต้น

ด้าน นพ.อุดม อัศวุตมางกุร ผอ.กองกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ กล่าวว่า ผลการวิจัยนี้สอดคล้องกับข้อแนะนำการก้าวเดินของประเทศไทย ภายใต้แผนการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย พ.ศ.2561-2573 ที่แนะนำให้ผู้สูงอายุเดินให้ได้อย่างน้อยวันละ 5,000 ก้าว เพื่อป้องกันการหกล้ม เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อให้ทรงตัวดีขึ้น และหากมีการเดินเพิ่มมากขึ้นเป็นวันละ 7,000 – 10,000 ก้าว จะช่วยป้องกันโรคไม่ติดต่อ และเพิ่มสมรรถภาพทางกายให้ดีขึ้น ช่วยให้ผู้สูงอายุมีการเคลื่อนไหวที่ดี ป้องกันการหกล้ม ใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉง ช่วยเหลือตนเองได้ และเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน