หลานเจ้าอาวาส ยันไม่ได้มั่วสีกา เข้าไปบอกวิธีล้างห้องน้ำเฉยๆ แจ้งความเอาผิดชาวบ้านและพระลูกวัดที่กล่าวหาแล้ว ทำให้เสียชื่อเสียง
วันที่ 21 ก.พ. 66 ที่บ้านพักหลังหนึ่ง ในพื้นที่บ้านระกา หมู่ 6 ตำบลจอหอ อำเภอเมืองนครราชสีมา พระครูรังสีสุนทรธรรม เจ้าอาวาสวัดบ้านกล้วย ได้เดินทางไปจำวัดอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว โดยภายในบ้านมีหลานชาย ญาติ และลูกศิษย์คนสนิท จำนวน 5 คน อยู่คอยดูแล โดยทางหลานชายของเจ้าอาวาสแจ้งว่ามีอาการอาพาธ ยังไม่สะดวกที่จะพบกับใคร
นายธนวัฒน์ เสวิกุล อายุ 38 ปี หลานชายของพระครูรังสีสุนทรธรรม เปิดเผยว่า เมื่อวานที่ผ่านมา ทางพระครูรังษีสุนทรธรรม ไปแจ้งความที่ สภ.จอหอ เพื่อให้ดำเนินคดีกับพระลูกวัดบ้านกล้วย 2 ราย คือ พระประเสริฐ พระพันธ์ และชาวบ้านอีก 1 ราย คือ นายสมยศ ในข้อหาหมิ่นประมาท กรณีกล่าวหาว่าชอบดูหนังโป๊ในกุฏิ และอยู่กับสีกาในห้องน้ำ
โดยเรื่องของคลิปที่ถูกกล่าวหานั้น หญิงสีกาชาวบ้านคนหนึ่งได้อาสาเข้ามาช่วยทำความสะอาดห้องน้ำวัด ซึ่งมีกว่า 20 ห้อง หลังเสร็จภารกิจเจ้าอาวาสได้ตอบแทนโดยให้ข้าวปลาอาหาร แต่กลับถูกพระลูกวัดแอบถ่ายคลิป ขณะเจ้าอาวาสกำลังช่วยแนะนำวิธีล้างห้องน้ำให้กับหญิงสีกาคนดังกล่าว ยืนยันเจ้าอาวาสไม่ได้ประพฤติเสื่อมเสียแต่อย่างใด
ซึ่งข้อกล่าวหาทั้งหมดกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนทางพระวินัย และยังไม่มีข้อสรุปผลการสอบสวน แต่กลุ่มชาวบ้านบางส่วนได้พยายามใส่ร้ายเจ้าอาวาส และนำชาวบ้านมาชุมนุมขับไล่เจ้าอาวาสให้ออกจากวัด ซึ่งข้อกล่าวหาทั้งหมดไม่เป็นความจริงจึงต้องมีการดำเนินการให้ถึงที่สุดเพื่อพิสูจน์ความจริง
ขณะที่ พระโสภณปริยัติวิธาน เจ้าคณะอำเภอเมืองนครราชสีมา กล่าวว่า ขณะนี้ทางคณะสงฆ์อำเภอเมืองนครราชสีมากำลังอยู่ในระหว่างพิจารณาเรื่องร้องเรียนของ พระครูรังสีสุนทรธรรม เจ้าอาวาสวัดบ้านกล้วย และยังไม่ได้ผลสรุปแต่อย่างใด เบื้องต้นได้สั่งการให้ พระครูรังสีสุนทรธรรม ย้ายออกจากวัดบ้านกล้วยไปจำวัดอยู่ที่อื่นเป็นการชั่วคราวเพื่อลดความขัดแย้งกับกลุ่มชาวบ้าน จนกว่าผลการพิจารณาจะเสร็จสิ้น
หลังจากกลุ่มชาวบ้านชุมนุมขับไล่ พระครูรังษีสุนทรธรรม หรือ หลวงพ่อหวัง เจ้าอาวาสวัดบ้านกล้วย ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยกล่าวหาว่าประพฤติตัวไม่เหมาะสม อยู่กับสีกาในห้องน้ำ ชอบดูหนังโป๊ในกุฏิ และบริหารการเงินของวัดไม่โปร่งใส
ต่อมา พระอุดมปรีชาญาณ รองเจ้าคณะภาค 9 เลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร พร้อมด้วยพระครูไพโรจน์ศีลคุณ เจ้าคณะตำบลจอหอ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้นำชุมชน เดินทางมาไปรับฟังปัญหา และไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย เบื้องต้นเจ้าคณะตำบลได้แต่งตั้งกรรมการเข้ามาสืบสวนข้อเท็จจริง และได้ส่งเรื่องต่อไปที่เจ้าคณะอำเภอเมืองนครราชสีมาพิจารณาแล้ว
