เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ถ.กำแพงเพชร นายก้อง สุริยะมณฑล ทนายความของนายมิตซูโตกิ ชิเกตะ พ่ออุ้มบุญชาวญี่ปุ่น กล่าวภายหลังศาลมีคำสั่งให้พ่ออุ้มบุญเด็ก 13 ราย ได้อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว ว่า ขอขอบคุณผู้พิพากษาและกระบวนการยุติธรรมที่ให้ความเป็นธรรมกับลูกความของตน และคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของสวัสดิภาพและความผาสุขของเด็ก ซึ่งจากคำพิพากษาของศาลได้พิเคราะห์ถึงพยานหลักฐานประกอบกับหลักฐานที่ท่านกำลังหาเองด้วย ซึ่งฟังได้ว่าลูกความของตนไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ หรือคดีความอาญาใดๆ และมีฐานะที่มั่นคงเหมาะสมและมีความต้องการที่จะเลี้ยงดูบุตรและอุปการะทุกคน

นายก้อง กล่าวต่อว่า สำหรับขั้นตอนต่อไปเราต้องประสานกับทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อขอรับลูกๆกลับมาอยู่มาอุปการะเลี้ยงดู ซึ่งขณะนี้ไนประเทศไทยมีเด็กอยู่ 13 คน โดยเราจะทำการประสานกับ พม.ให้เร็วที่สุด ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของเด็กทั้ง 13 คนด้วย ที่ผ่านมาเด็กๆจะคุ้นเคยกับพี่เลี้ยงในสถานสงเคราะห์ที่อยู่ในประเทศไทย ซึ่งในระยะแรกอาจจะต้องให้พี่เลี้ยงที่เคยดูแลได้ช่วยดูแลเด็กๆก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทันที ขณะที่ผลคำสั่งของศาลนี้ยังไม่ได้เเจ้งให้นายชิเกตะทราบ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเด็กๆก็มีอายุไล่เลี่ยกันประมาณ 4 ขวบ

ทนายความ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้ศาลได้พิจารณาในความเหมาะสมของตัวคุณพ่อและเจตนาของคุณพ่อ รวมทั้งประโยชน์สูงสุดกับสวัสดิภาพของเด็กว่าสามารถดูแลได้ดีหรือไม่ โดยตัวนายชิเกตะเองก็อยากมีลูกอยู่แล้วประกอบกับตัวคุณพ่อเองก็เกิดในครอบครัวใหญ่ก็อยากจะให้มีบุตรที่มีอายุไล่เลี่ยกัน และอยากให้ช่วยสานต่อธุรกิจของทางครอบครัวต่อไป ส่วนเรื่องที่เด็กทั้งหมดจะใช้สัญชาติใดหรือจะไปอาศัยในประเทศกัมพูชาหรือประเทศญี่ปุ่นนั้น เป็นเรื่องที่นายชิเกตะจะเป็นผู้ตัดสินใจ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน