เดือดสนั่น เมีย-ลูก บุกบ้าน ป้าเก้า ทวงมรดก เสี่ยปาน 30 ล้าน เจอลุงบอกรออีก 5 เดือนให้ขายที่ได้ก่อน ด้าน ป้าติ๋ว เผยสงสัยปมการตาย เล่าฝันประหลาด

วันที่ 3 พ.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเรื่องวุ่น ๆ หลังจาก นายยงยุทธ แก้วสวนจิก หรือ เสี่ยปาน 30 ล้าน เสียชีวิตด้วยโรคร้ายเมื่อวันที่ 13 พ.ค.2565 ทิ้งมรดกไว้มากกมาย แต่ผู้จัดการมรดก ซึ่งเป็นพี่สาวของเสี่ยปาน กลับยักยอกเงินที่เสี่ยปานเขียนพินัยกรรมเอาไว้ ไม่ยอมยกให้ลูกชายเสี่ยปานจำนวน 3 ล้าน

เดือดสนั่น เมีย-ลูก บุกบ้าน ป้าเก้า ทวงมรดก เสี่ยปาน 30 ล้าน เจอลุงบอกรออีก 5 เดือนให้ขายที่ได้ก่อน

เดือดสนั่น เมีย-ลูก บุกบ้าน ป้าเก้า ทวงมรดก เสี่ยปาน 30 ล้าน เจอลุงบอกรออีก 5 เดือนให้ขายที่ได้ก่อน

ทำให้ น.ส.เสาวณี ทองวิเศษ อายุ 37 ปี หรือ มด อดีตภรรยา ต้องยื่นเรื่องต่อศาลให้ดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญาต่อ น.ส.สุธีรา ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดก และทางศาลจังหวัดอุดรธานีได้ออกหมายจับไปแล้วนั้น พร้อมกันนี้ อดีตภรรยายังได้ตั้งค่าหัวให้กับคนที่แจ้งเบาะแสของผู้จัดการมรดกเสี่ยปาน 30 ล้าน มีรางวัลให้ 20,000 บาท

ล่าสุดวันนี้ ป้าติ๋ว พร้อมด้วย น.ส.เสาวณี และน้องเกาลัด ลูกชายคนเดียวของเสี่ยปาน 30 ล้าน และพยานคุณตาเรืองเดช เจ้าของที่ดินที่ขายให้เสี่ยปานเมื่อปี 59 และ นายตู๊ด ประธานอบต.หนองหาน ได้เดินทางมาเป็นพยาน เดินทางที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นร้านก๋วยเตี๋ยว ที่บ้านหนองบ่อ ต.หนองหาน อ.หนองหาน จ.อุดรธานี เพื่อไปทวงสิทธิตามพินัยกรรมกับป้าเก้า แต่ไม่พบ

พบเพียง นายพจน์ สามีของป้าเก้า ป้าติ๋วจึงได้เรียกให้มาพูดคุยกันถึงเรื่องสิทธิตามพินัยกรรม แต่ปรากฏว่านายพจน์ตอนแรกไม่ยอมลงมาและจะขับรถหนีท่าเดียว สุดท้ายจึงยอมมาคุยด้วย โดยป้าติ๋วถามตรง ๆ บอกว่า “เธอรู้จักฉันไหม”








Advertisement

ขณะที่นายพจน์ บอกว่า “ไม่รู้จัก” ป้าติ๋วจึงบอกว่า “ฉันเป็นพี่สาวคนโตของเมียเธอและเสี่ยปาน มาวันนี้ต้องการถามเรื่องเงินตามพินัยกรรม และที่ดินตรงนี้ได้ยินข่าวว่าขายได้ ใช่ไหม ขายไม่ได้ต้องเอาให้ลูกชายเสี่ยปาน” แต่นายพจน์เดือดกลับ “ไม่รู้กับเมียว่าเงินไหน เขาก็หนีไปไม่บอก ไม่รู้กับเมีย และที่ตรงนี้ก็ขายไปแล้ว”

โดยขณะที่ผู้สื่อข่าวกำลังถ่ายภาพ นายพจน์กลับโมโหบอกว่า “ห้ามถ่าย ถ้าถ่ายผมจะไม่คุยด้วย” ป้าติ๋วบอกอีกว่า “ทำไมเจ้าไม่รู้เมียแท้ ๆ อย่าแสดง” นายพจน์ก็โต้กลับ “เจ้านั่นแหละอย่ามาแสดงกับผม เรื่องเงินขายที่ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าเก้าที่เอาไปไหนเอาไปใช้อะไรบ้าง เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เขาก็หนีไปภูเก็ต” โดยป้าติ๋วยืนยันจะขอที่ตรงนี้ที่เหลืออยู่ให้ลูกชายเสี่ยปานไป

แต่ปรากฏว่า ดูท่าทางขึงขังไม่ยอม บอกว่า ให้ไม่ได้ ขอเวลาให้ขายได้ รออีก 5 เดือนไปถึงเดือนก.ย. ถ้าขายไม่ได้ก็ให้มาเอาเลย แต่น.ส.เสาวณีโต้กลับบอกว่า “หนูฟังลุงกับป้ามานานแล้ว ที่ดินตามพินัยกรรมก็แอบขายไม่แจ้งพวกหนู พอได้เงินก็ไม่เอาให้ ทำไมไม่เอาที่ตรงนี้ให้หลานไปเลย เรื่องมันจบ ๆ ไป เรื่องขายที่แล้วจะรับปากจะให้ ไม่มีอะไรมารับประกันให้เลย”

แต่นายพจนก็โต้คืนน.ส.เสาวณี ว่า “อย่าเก่ง ให้ฟัง ปากอย่าปลิ้นปล้อน ถ้าไม่ฟังจะหนีเดี๋ยวนี้ ให้โตคุยกับเฮาดี ๆ ถ้าไม่ทำตามแบบเรา ก็ไม่ต้องเอา” สุดท้ายก็คุยกันไม่รู้เรื่อง จึงแยกย้ายกันไป

น.ส.เสาวณี กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนไม่เชื่อลุงกับป้าอีกแล้ว จะยื้อเวลาไปทำไม อ้างจะขายที่ดินตรงนี้แล้วถึงจะเอาเงินให้ มันนานไป รอถึง 5 เดือน แล้วไม่มีอะไรมารับประกันว่าจะได้ เพราะเงินตามพินัยกรรมก็ไม่ได้แล้ว ถ้ายกที่ดินและร้านก๋วยเตี๋ยวให้น้องเกาลัดก็จบกัน ตนฟังฝ่ายลุงกับป้ามาตลอด ให้ตนรอ ตนก็รอ อ้างว่าตนไม่มาเอา ทั้ง ๆ ที่ตนติดต่อมาตลอด ตนไม่เชื่อใจอีกแล้ว ที่ผ่านมาไม่มีความหวังให้ตนและลูกชายเสี่ยปานเลย เสียใจมาก

ด้าน น้องเกาลัด ลูกชายคนเดียวของเสี่ยปาน บอกว่า ตนมากับแม่วันนี้ ก็อยากได้ที่พ่อจะให้ตน แต่ตนไม่ได้ อยากจะฝากถึงลุงพจน์และป้าเก้า ขอให้ตนได้บ้าง

นายเรืองเดช (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 70 ปี เจ้าของที่คนเก่า กล่าวยืนยันว่า ที่ตรงนี้ขายให้เสี่ยปานจริงเมื่อปี 2559 มันเป็นที่สาธารณะประโยชน์ ไม่มีใบอะไร เป็นแค่เสี่ยปานจ่ายเงินที่ซื้อประมาณ 1,700,000 บาท ก็มีใบเสร็จให้เท่านั้น เรื่องนี้จริง ๆ ทางลุงกับป้าของอดีตภรรยาเสี่ยปาน ควรยกที่ดินตรงนี้ให้ลูกและภรรยาเขา เพราะเงินตามพินัยกรรมก็ไม่ให้เขาแล้ว ลูกสืบสันดานก็ควรจะได้บ้าง

ขณะที่ ป้าติ๋ว เปิดเผยว่า ด้วยความสงสารหลานและน้องสะใภ้ที่ไม่ได้อะไรเลยกับเสี่ยปาน วันนี้จึงมาพูดคุยกับสามีนางเก้าก่อน แต่ดูแล้วคุยไม่รู้เรื่อง เขาไม่ยอมยกที่ดินที่เหลือชิ้นสุดท้ายตรงนี้ให้ ขนาดเงินตามพินัยกรรม 3 ล้านก็ไม่ได้ เงินมรดกเสี่ยปาน เก้าเอาไปใช้หมดแล้ว คาดเอาไปเล่นพนันจนหมดตัว เราจึงหาช่องทางก่อนที่ตนจะกลับไปเยอรมัน

ป้าติ๋ว กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้ไปพูดคุยกับทางสำนักงานที่ดินแล้ว พอมีช่องทางน้องเกาลัดควรได้ที่ตรงนี้ โดยจะทำหนังสือรับรองและมีพยานว่า เจ้าของเดิมได้ขายให้เสี่ยปานจริง มีอบต.และชาวบ้านในพื้นที่ว่ามีการซื้อขายจริง น้องเกาลัดก็มีสิทธิในที่ดินตรงนี้ เพราะเป็นผู้สืบสันดานของเสี่ยปานโดยตรง

ป้าติ๋ว กล่าวอีกว่า ตนยังติดใจสงสัยการเสียชีวิตของน้องชาย 2 คน คือนายเบิ้ม และ เสี่ยปาน โดยเฉพาะนายเบิ้มน้องชายอีกคน จู่ ๆ กินน้ำเปล่า จากนั้นล้มลงเสียชีวิตทันที ยิ่งเห็นข่าววางยาของแอมไซยาไนด์ คนแข็งแรงมาตลอด จู่ ๆ มาตายได้ไง และเสี่ยปานมาป่วยมะเร็งหลังถูกหวย จะมีการวางยาด้วยหรือไม่จนเสียชีวิต อันนี้ก็ติดใจอยู่

ป้าติ๋ว กล่าวด้วยว่า ตั้งแต่กลับมาเมืองไทยเสี่ยปานเข้าฝันหลายครั้ง เห็นเดินเข็นรถเข็นข้างถนน ไม่ใส่เสื้อ หน้าตาเศร้า เดินรอบหมู่บ้าน และมีญาติฝันเห็นเสี่ยปานหอบเสื้อผ้าจากบ้านหลังใหญ่ ๆ ของเขามาอยู่บ้านหลังเก่าที่ตนยกให้เขา เหมือนวิญญาณเสี่ยปานยังห่วงอยากให้พี่สาวช่วย และอยากให้ลูกชายเขาได้ในมรดกด้วย

ป้าติ๋ว กล่าวว่า กลับมาครั้งนี้ตนก็มาทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์บ้านหลังเก่าที่เคยยกให้เสี่ยปานให้เสร็จเรียบร้อย แล้วจะขายทำบุญให้เสี่ยปาน เพราะบ้านหลังนี้มีคนตายแล้ว 6 ศพ จะเดินเรื่องขอให้น้องเกาลัดและน้องสะใภ้ได้ที่ดินผืนนี้ เพราะน่าจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาควรจะได้ ส่วนเงินตามพินัยกรรมคงไม่ได้แล้ว ถ้าน้องสะใภ้ได้ตรงนี้แล้วพอ ก็อยากให้มันจบ ๆ ไม่อยากให้พี่น้องกันทะเลาะกัน

ด้าน นายภาณุมาศ หรือ เฮียเปี๊ยกช่วยด้วย กล่าวว่า เรื่องมรดกเสี่ยปานที่ผู้จัดการมรดกไม่ยอมทำตามพินัยกรรม และมีพฤติกรรมที่ส่อให้เห็นทุจริตกับมรดก และไม่ทำตามวัตถุประสงค์ตามพินัยกรรม ตอนนี้ชัดเจนแล้วเพราะเขาหลบหนี ศาลออกหมายจับแล้ว ทางอดีตภรรยาเสี่ยปานสามารถให้ทนายร้องต่อศาลให้เพิกถอนผู้จัดการมรดกได้ และทางศาลก็อาจสืบหาญาติพี่น้องคนใหม่เป็นผู้จัดการมรดกคนใหม่แทน

นายภาณุมาศ กล่าวต่อว่า ดูแล้วลูกชายเสี่ยปานก็มีสิทธิ์ได้ทรัพย์สินทั้งหมด ส่วนที่ดินตรงนี้ อดีตภรรยาเสี่ยปานก็สามารถตั้งทนายร้องต่อศาล เพื่อให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวที่ดินตรงนี้ จนกว่าจะพิสูจน์ทราบว่าที่ตรงนี้ใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง โดยตอนนี้ป้าเก้าและสามีอ้างว่า เสี่ยปานยกให้ก็เอาเอกสารมายืนยัน แต่ถ้าพิสูจน์แล้วที่ดินตรงนี้เป็นของเสี่ยปาน ลูกชายที่เป็นผู้สืบสันดานก็มีสิทธิในที่ดินตรงนี้ชัดเจน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน