สสจ.ตรัง สั่งสอบ โรงพยาบาลเอกชน หลัง พยาบาลใช้ยาพ่นฉีดเข้าเส้นเลือด ทำ ลูก4ขวบ เกิดอาการโคม่า เผย พร้อมให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าว ลูกชาย 4 ขวบ เกิดอาการโคม่า หลังจากพยาบาลพาร์ทไทม์ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ให้ยาอะดรีนาลีนทางเส้นเลือด ทั้งที่ปกติจะให้โดยการพ่นละอองฝอย ขณะที่ฝ่ายแม่เตรียมตั้งทนายดำเนินเรื่องถึงที่สุด ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 28 ส.ค.2566 นพ.สินชัย รองเดช นายแพทย์สาธารณสุข (สสจ.) จังหวัดตรัง เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าว ว่า ทางสำนักงานได้รับทราบข้อมูลคร่าว ๆ มาบ้างแล้ว ซึ่งเหตุเกิดเมื่อเดือน มิ.ย.2566 โดยภาพรวมในเรื่องนี้ที่ถูกกล่าวถึงก็คือ การสั่งการรักษา และการเกิดผลกระทบ
นพ.สินชัย กล่าวต่อว่า ทำให้น้องวัย 4 ขวบกว่า ๆ มีปัญหาอาการเข้าขั้นสาหัส จนต้องรีบช่วยชีวิต ณ ที่เกิดเหตุ แล้วส่งต่อไปยังโรงพยาบาลตรัง และ โรงพยาบาลมอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งทราบว่าล่าสุดอาการน้องพ้นวิกฤตแล้ว แต่ยังมีอาการอ่อนแรงครึ่งซีก ไม่สามารถที่จะไปโรงเรียนได้
นพ.สินชัย กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรัง ได้ลงไปดูในเรื่องของผู้ให้บริการวิชาชีพเฉพาะสาขาต่าง ๆ ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ ว่า ได้แจ้งรายชื่อขออนุญาตมาที่สำนักงานอย่างถูกต้องทุกคนหรือเปล่า รวมทั้งไปดูในเรื่องของมาตรฐานการให้บริการ และเรื่องความผิดพลาดในการบริหาร กรณีของการให้ยาที่ไม่ถูกช่องทาง
นพ.สินชัย กล่าวว่า ตนได้มอบให้กลุ่มการคุ้มครองผู้บริโภค ลงไปตรวจสอบและเก็บหลักฐานต่าง ๆ ว่า ยาที่ให้ผู้ป่วยเป็นยาอะไร สั่งโดยใคร และผู้รับออเดอร์ในการให้ยาครั้งแรกคือใคร ได้มีการตรวจสอบความถูกต้องของยาพวกนี้หรือเปล่า โดยเฉพาะจากกรณีนี้คือ ยาอะดรีนาลีน ซึ่งเป็นยาอันตราย ฉะนั้น การสั่งออเดอร์ หรือรับออเดอร์ จนไปถึงห้องยา ต้องมีความรอบคอบ และให้ถูกช่องทางในการเข้าสู่ร่างกายของผู้ป่วย
Advertisement
นพ.สินชัย กล่าวด้วยว่า มิเช่นนั้นจะก่อให้เกิดอาการข้างเคียงฉับพลันได้ เพราะยาอะดรีนาลีนโดยปกตินั้น จะไม่นิยมให้ทางเส้นเลือด ยกเว้นในกรณีที่ผู้ป่วยหมดสติ หัวใจหยุดเต้น เพื่อช่วยฟื้นคืนชีพ แต่ถ้าให้ในผู้ป่วยปกติ จะเน้นการพ่นละอองฝอย เพื่อให้ค่อย ๆ รับยาเข้าไป
นพ.สินชัย กล่าวว่า ขณะเดียวกัน ยังได้ไปติดตามเรื่องของทางโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ว่า จะออกมาแสดงความรับผิดชอบอย่างไร และมีการเยียวยาให้กับผู้เสียหายอย่างไรบ้างแล้ว แม้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดทางญาติจะไม่ได้ร้องเรียนมาที่สสจ.ตรัง แต่ตนก็ได้สั่งการให้รองนายแพทย์สาธารณสุขลงไปดูแล้ว เนื่องจากเหตุเกิดในพื้นที่ของ จ.ตรัง ซึ่งพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายผู้รับบริการ และผู้ให้บริการ
นพ.สินชัย กล่าวอีกว่า รวมทั้งไปตรวจสอบในส่วนของพยาบาลที่ให้ยาว่า เป็นพยาบาลพาร์ทไทม์หรือไม่ ทำงานที่ไหน อยู่ในสังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรังหรือเปล่า และได้รับอนุญาตถูกต้องหรือไม่ ซึ่งหากไม่ดำเนินการให้ถูกต้อง ความผิดหลักก็คือ เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าว