สุดสลด ไฟไหม้บ้าน เผาวอดทั้งหลัง ไฟคลอกยายวัย 76 ปี นอนเสียชีวิตในกองเพลิง สุนัข 2 ตัวเฝ้าศพเจ้านายไม่ห่าง เจ้าหน้าที่ตำรวจคาด ไฟฟ้าลัดวงจร
เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 17 ก.ย.2566 ร.ต.อ.ชนาธิป โอ่งเคลือบ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสงคราม รับแจ้งเหตุไฟไหม้บ้านในพื้นที่ ม.1 ต.คลองเขิน อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสรรพราเชนทร์สมุทรสงคราม
ที่เกิดเหตุต้องเดินเข้าไปในสวนมะพร้าว ลึกประมาณ 150 เมตร ซึ่งเป็นดินแฉะจากฝนตก เป็นบ้านชั้นเดียวโครงเหล็กผนังแผ่นเรียบกว้าง 4 เมตร ยาว 4 เมตร พบไฟกำลังลุกไหม้บริเวณฟูกที่นอนภายในบ้าน โดยมี นายจำเริญ เทียบน้อย ผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.คลองเขิน พร้อมตำรวจช่วยกันหยิบอะไรก็ได้ที่ใช้ตักน้ำได้ตักน้ำในร่องสวนที่อยู่ติดกันช่วยกันรดน้ำดับไฟ เจ้าหน้าที่จึงระดมฉีดน้ำสกัดเปลวเพลิงที่ลุกไหม้ ประมาณ 30 นาทีจึงควบคุมเพลิงไว้ได้
ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงมีสุนัขหลายตัวเดินวนเวียนอยู่บริเวณรอบ ๆ บ้าน เมื่อควบคุมเพลิงไว้ได้ สุนัขดังกล่าวก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงตามเข้าไป พบกับภาพที่น่าสลดเมื่อมีสุนัขพันธุ์ทางสีขาวน้ำตาล 2 ตัว เดินเข้าไปวนเวียนรอบร่างที่ไร้วิญญาณของ น.ส.สำรวม (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 76 ปี ที่ถูกไฟคลอกบริเวณใบหน้า ศีรษะ และแผ่นหลัง นอนเสียชีวิตอยู่ในบ้าน สภาพนอนหงายบนโต๊ะ ลักษณะพยายามหนีแต่ไม่ไหวจึงนั่งพัก จนสำลักควันหมดสติถูกไฟคลอกเสียชีวิตก็เป็นได้
จากการสอบถาม ส.ต.ต.สันติพันธ์ ค้าทันเจริญ ผบ.(หมู่)ป. สภ.เมืองสมุทรสงคราม กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าไฟไหม้ จึงรีบเข้ามาตรวสอบเป็นคนแรก พบไฟลุกไหม้รุนแรงมีเสียงปะทุหลายครั้ง พยายามเข้าไปตรวจสอบข้างในบ้านก็พบร่างน.ส.สำรวมนอนเสียชีวิตในบ้านแล้ว จึงร่วมกับผู้ใหญ่บ้านช่วยกันหยิบขันน้ำช่วยกันดับไฟ
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายใจบุญเลี้ยงสุนัขไว้หลายตัว ญาติจะพาไปอยู่ด้วยแต่ผู้ตายก็ไม่ยอมเพราะเป็นห่วงสุนัขที่เลี้ยงไว้ ก่อนเกิดเหตุสันนิษฐานว่า ขณะที่ผู้ตายกำลังนอนหลับเกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจรลุกลามมาติดฟูก ทำให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้น
โดยขณะนั้นสุนัขที่เลี้ยงไว้ได้เห่าให้สัญญาณ เหมือนจะบอกว่าไฟไหม้บ้าน และพยายามช่วยเหลือนายผู้เป็นรัก แต่ด้วยที่ผู้ตายอายุมากแล้ว ทำให้เคลื่อนไหวไม่สะดวกจึงสำลักควันเสียชีวิต โดยมีสุนัขที่เลี้ยงไว้เฝ้าอยู่ไม่ห่างก็เป็นได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป