กรณีมีชาวบ้านกว่า 300 คน ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านกรมศิลปากร ที่จะประกาศให้ตัวเมืองพิมาย เป็นเขตพื้นที่โบราณสถานทั้งเมือง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,658 ไร่ โดยทางกรมศิลปากรอ้างว่า เมืองพิมายได้ขึ้นทะเบียนเป็นเมืองโบราณมาแล้วตั้งแต่ปี 2479 แต่ปัจจุบันถูกประชาชนบุกรุกพื้นที่ เข้ามาอยู่อาศัยและก่อสร้างอาคารต่างๆ ทับโบราณสถานเป็นจำนวนมาก เช่น มีอพาทเมนท์สูง 5 ชั้น ที่เพิ่งก่อสร้างเสร็จอยู่ติดกับสระแก้ว หรือบาราย สระน้ำโบราณ โดยยังไม่ได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากร

นอกจากนี้ยังมีโรงแรม 50 ห้อง ที่เปิดสร้างบดบังทัศนียภาพของสระโบสถ์ ซึ่งเป็นสระน้ำโบราณเช่นกัน ทำให้ขณะนี้ทางกรมศิลปากรได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีชาวบ้าน 64 ราย ในข้อหาบุกรุกโบราณสถาน จึงทำให้มีชาวบ้านกว่า 300 ราย ลงชื่อเตรียมที่จะยื่นคัดค้านต่อศาลปกครอง

ความคืบหน้าวันที่ 2 มี.ค. กลุ่มชาวบ้านที่คัดค้านการประกาศขึ้นทะเบียนเมืองพิมาย เป็นเขตโบราณสถานทั้งเมือง นัดประชุมเสวนาเกี่ยวกับการประกาศกำหนดเขตที่ดินโบราณสถานเมืองพิมาย ที่ห้องประชุมหินทราย ข้างสถานีดับเพลิง เทศบาลตำบลพิมาย มีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการพิทักษณ์รัฐธรรมนูญไทย ร่วมในเวทีเสวนาในครั้งนี้ด้วย เนื่องจากกลุ่มที่คัดค้านมีความวิตกกังวลว่า หากปล่อยให้กรมศิลปากร ประกาศกำหนดเขตที่ดินโบราณสถานเมืองพิมายแล้ว จะส่งผลกระทบ อย่างน้อย 3 เรื่องใหญ่ ได้แก่ 1.จากที่เดินมีโฉนดเป็นกรรมสิทธิ์ชาวบ้านจะกลายเป็นที่ดินสีน้ำตาล 2.การก่อสร้าง ต่อเติมอาคาร ที่เคยมี พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร รวมถึงผังเมืองที่จังหวัดนครราชสีมาดูแล จากนี้ต้องได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากร

และ 3.อาคารสูงไม่เกิน 2 ชั้น และสูงไม่เกิน 8 เมตร ต้องมีรูปแบบสอดคล้องกับอัตลักษณ์ของพื้นที่ ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องทำให้เศรษฐกิจในเขตพื้นที่เมืองพิมายซบเซาลง นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น โดยเฉพาะนักลงทุนก่อสร้างโรงแรมต่างๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จะไม่มีใครกล้าลงทุนนับจากนี้ไป โดยภายหลังจากการเสวนาชาวบ้านจะรวบรวมรายชื่อผู้ที่เดือดร้อนทั้งหมด ยื่นต่อศาลปกครองเพื่อคัดค้านการประกาศดังกล่าวต่อไป

ขณะเดียวกัน ยังมีเสียงของชาวบ้านส่วนหนึ่ง ที่เห็นด้วยกับการประกาศกำหนดเขตที่ดินโบราณสถานเมืองพิมาย โดยนางเจียว พุ่มพฤกษ์ อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65 หมู่ที่ 1 ต.ในเมือง อ.พิมาย เปิดเผยว่า ตนติดตามข่าวการประกาศกำหนดเขตที่ดินโบราณสถานเมืองพิมายอย่างใกล้ชิด แต่กรมศิลปากรยืนยันแล้วว่าจะจัดระเบียบเมืองพิมายให้มีความเรียบร้อย ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน ตนรู้สึกโล่งใจ จึงไม่ได้ไปร่วมลงชื่อคัดค้าน เพราะจะทำให้เสียเวลาทำมาหากิน

ด้าน นางประเสริฐ อารมณ์เพียร อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45/1 หมู่ที่ 1 ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ตนเองอยู่ที่นี่มานานแล้ว และมีครอบครัว ญาติ พี่ น้อง อยู่ใกล้กันเป็นครอบครัวใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่ได้รับความเดือดร้อนอะไร เมื่อทราบข่าวว่าทางกรมศิลปากรจะประกาศให้เป็นเขตโบราณสถาน ก็ไม่ได้คิดว่าจะถูกไล่ที่แต่อย่างใด เพราะเชื่อว่ารัฐบาลก็ต้องมองเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชนแน่นอน ดังนั้นจึงไม่ได้ไปร่วมลงชื่อคัดค้านในครั้งนี้ด้วย

ขณะที่นางเล็ก ผลนา อายุ 61 ปี บ้านเลขที่ 88 หมู่ที่ 1 ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ตนเองพร้อมสนับสนุนให้กรมศิลปากรประกาศเป็นเขตโบราณสถาน เพราะอยากให้เข้ามาจัดระเบียบเมืองพิมาย ให้มีความสวยงาม เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเที่ยวชมเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจในพื้นที่เมืองพิมายก็จะได้ดีขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นจึงไม่ไปร่วมลงชื่อคัดค้านในครั้งนี้ด้วยแน่นอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน