แม่ใจสลาย ครูบอกตีแค่ 2 ที ที่ไหนได้ใช้ถาดหลุม ฟาดลูกชายวัย 2 ขวบ จนช้ำทั้งหลัง แถมยังลากเข้าห้อง ดูวงจรปิดจบถึงกับเข่าทรุด ร้องไห้ไม่หยุด

เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2566 จากกรณีเพจเฟสบุ๊คเป็นหนึ่ง ได้โพสภาพพร้อมข้อความโดยระบุว่า “พ่อเด็ก 2 ขวบเศษ ร้องเรียนมาว่าลูกถูกครูที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ทุบตีลูกชายของตนด้วยถาดวางข้าวของ จนร่างกายมีมีรอยฟกช้ำเต็มแผ่นหลัง หลังทราบและรับเรื่องแล้ว จะลงพื้นที่ดำเนินการตรวจสอบอย่างเร่งด่วนที่สุด ต้องตีแรงขนาดไหน ถึงซ้ำขนาดนี้

น.ส.ชลิดา พละมาตย์ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง พร้อมทีมงานได้เดินทางไปที่บ้านน้องอันดา ในต.โพธิ์ทอง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด และได้พบกับนางนงค์นาท ศรีจันทร์ อายุ 41 ปี ผู้เป็นย่าอยู่กับหลานที่ถูกทำร้าย เจ้าหน้าที่ได้ขอเปิดเสื้อเพื่อขอดูร่องรอยที่ถูกทำร้าย ซึ่งพบว่ารอยฟกช้ำเริ่มจางลง และมีไข้เล็กน้อย โดยมีพ่อแม่ของเด็กที่พึ่งเดินทางกลับจาก จ.ระยอง และญาติ ร่วมอยู่ด้วย

นางนงนาท ศรีจันทร์ ย่าของเด็ก กล่าวว่า ในช่วงเย็นวันที่ 7 พฤศจิกายน ขณะที่ตนกำลังจะอาบน้ำให้น้องอนันดา เมื่อถอดเสื้อออกก็พบว่ามีบาดแผลฟกช้ำบริเวณแผ่นหลัง จึงเกิดความสงสัยแต่ก็ยังไม่ได้คิดว่าโดนทำร้าย คิดว่าน่าจะโต๊ะเรียนหรืออาจจะไปเล่นเครื่องเล่น หรือหยอกล้อกับเพื่อน แต่ก็ไม่น่าจะช้ำมากขนาดนี้

ช่วงเช้าของวันพุธที่ 8 พฤศจิกายน ตนจึงได้ไปส่งหลานที่โรงเรียนและสอบถามครูที่อยู่ในศูนย์เด็กเล็ก แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ หลังจากนั้นก็ได้มาถามชาวบ้านที่อยู่ในงานกฐินในหมู่บ้าน ซึ่งก็ได้รับข้อมูลว่ามีเพื่อนของน้องอันดามาแจ้งกับพ่อแม่เพื่อนว่าน้องอันดาถูกครูตี แต่ก็พูดตามประสาของเด็ก ซึ่งตนก็ได้ไปถามคุณครูผู้ก่อเหตุว่าได้คำตอบว่าใช้มือตี 2 ครั้ง เนื่องจากน้องอันดาโยนของเล่นใส่เพื่อน

ตนจึงได้โทรบอกพ่อและแม่เด็กให้ทราบเรื่อง และได้ร้องเรียนต่อเพจเป็นหนึ่งเพื่อให้เข้าช่วยดำเนินการพบเกรงว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรม เนื่องจากสามีของครูผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในท้องที่ที่เกิดเหตุด้วย

ด้านน.ส.ชลิดา กล่าวว่า ทีแรกพ่อของน้องอันดาทักเพจมาขอความเป็นธรรมกับเรา ว่าลูกชายถูกครูที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในพื้นที่ทำร้ายร่างกาย จนแผ่นหลังมีรอยฟกช้ำหลายจุด เมื่อเห็นจากภาพก็ตกใจว่าครูตีแบบไหนถึงรุนแรงขนาดนี้ วันนี้จึงนำทีมลงพื้นที่เพื่อติดตามเรื่อง ดำเนินการและสอบถามข้อมูลกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อเอาเรื่องกับครูคนดังกล่าวให้ถึงที่สุด








Advertisement

นายชุมพล มาโยธา นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโพธิ์ทอง และประธานศูนย์ช่วยเหลือประชาชนตำบลโพธิ์ทอง เราคนไทยมีน้ำใจไม่ทิ้งกัน กล่าวกับมูลนิธิว่า ที่จริงแล้วเรามีการกำชับครู บุคลากรผู้ดูแลเด็กไว้ตลอด ว่าห้ามทำร้ายเด็ก และได้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้แทบทุกมุม เพื่อป้องกันและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง

แต่จากที่ได้ดูหลักฐานเบื้องต้นเมื่อค่ำวานนี้ มันขัดแย้งกับคำให้การของครูที่อ้างว่าตีเด็กแค่ 2 ครั้ง วันนี้เราได้ร่วมกับฝ่ายต่าง ๆ เข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิดด้วยกันเพื่อความชัดเจน ก็พบว่าครูคนดังกล่าวใช้อารมณ์ และความรุนแรง ตีเด็กหลายครั้ง แถมมีเตะด้วยและลากเด็กเข้าไปในห้อง

เบื้องต้นได้สั่งย้ายครูคนดังกล่าวมาปฏิบัติหน้าที่ที่อบต. และได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนวินัยร้ายแรงกับการกระทำดังกล่าว ซึ่งต้องรอการสอบสวนและการตรวจสอบพยานหลักฐานต่าง ๆ ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ตามระเบียบใช้เวลาไม่น้อยกว่า 180 วัน หรือถ้าหากยังไม่เรียบร้อยก็สามารถขยายเวลาสอบสวนเพิ่มเติมได้

นอกจากนี้ตนยังได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.โพธิ์ทอง เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด เพื่อนำมาประกอบหลักฐานในสำนวนคดี เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา ทำร้ายร่างกายให้ได้รับบาดเจ็บ แต่หากพบหลักฐานการกระทำผิดเพิ่มอีก ก็จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมภายหลัง

ขณะเดียวกัน แม่ของเด็กซึ่งได้เข้าไปดูภาพจากกล้องวงจรปิด ก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ปล่อยโฮออกมาและนั่งกองกับพื้น ไม่คิดว่าครูจะใจร้ายและทำรุนแรงกับลูกขนาดนี้ ต้องดำเนินการให้ถึงที่สุดตามกระบวนการของกฎหมายและวินัย อย่างเต็มที่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน