ชาวนาบุรีรัมย์ ขอความเห็นใจ ต้องตากข้าวบนถนน ยาว 1 กม. เกี่ยวข้าวสดไปขาย โดนโรงสีกดราคา วอนรัฐบาลประกันราคาข้าว 15–18 บาท

วันที่ 15 พ.ย.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวนาหลายหมู่บ้านในตำบลเมืองโพธิ์ อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ ต่างนำข้าวเปลือกออกไปตากตามริมถนนทางหลวงชนบทเป็นทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร เพื่อลดความชื้น ก่อนนำไปเก็บในยุ้งฉาง หรือนำไปขายตามโรงสี หลังชาวนาหลายคนนำข้าวเปลือกที่เกี่ยวสดไปขาย เพื่อนำเงินไปจ่ายค่าปุ๋ย และค่าจ้างรถเกี่ยว แต่โดนกดราคาเหลือแค่กิโลกรัมละ 8–10 บาท

ขณะที่บางรายไม่รับซื้อ ชาวนาบางคนต้องขนข้าวกลับมาตากเพื่อไล่ความชื้นก่อนนำกลับไปขายอีกครั้ง แต่บางคนตัดสินใจขายข้าวสด แม้ได้ราคาต่ำไม่คุ้มทุนก็ตาม เพราะจำเป็นต้องนำเงินไปจ่ายค่าจ้างรถเกี่ยว เนื่องจากรอเงินค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,000 บาท จากรัฐบาลไม่ไหว

ชาวนา เผยความจำเป็นต้องนำข้าวมาตากบนถนน

ทั้งนี้ชาวนายังบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าปีนี้ต้นทุนในการทำนาสูงกว่าทุกปี เพราะปุ๋ยแพง น้ำมันแพง จึงอยากให้รัฐบาลช่วยเหลือด้วยการประกันราคาข้าวไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 15 – 18 บาท เพราะมาตรการแทรกแซงราคากิโลกรัมละ 12 บาท ก็ยังไม่คุ้มทุน

นายทีน พนมรัมย์ ชาวนาบ้านเมืองโพธิ์ อ.ห้วยราช เล่าว่า ที่ต้องนำข้าวเปลือกมาตากบนถนนเพื่อลดความชื้น ก่อนนำไปขาย เพราะก่อนหน้านี้มีชาวนาหลายคนนำข้าวเกี่ยวสดไปขายตามโรงสีแล้วได้ราคาต่ำเพียงกิโลกรัมละ 8–10 บาทเท่านั้น เพราะโรงสีบอกว่าข้าวเปียกชื้นรับซื้อได้ในราคานี้ จึงตัดสินใจเอาข้าวเปลือกมาตากริมถนนเพื่อลดความชื้น

อยากขอความเห็นใจจากผู้ใช้รถใช้ถนนด้วย เพราะไม่มีสถานที่ตาก หากเป็นไปได้อยากให้รัฐบาลออกมาตรการประกันราคาข้าวไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 15–18 บาทมากกว่ามาตรการแทรกแซงราคากิโลกรัมละ 12 บาท เพราะปีนี้ต้นทุนทั้งค่าปุ๋ย ค่าน้ำมัน ค่าเก็บเกี่ยวสูงมาก

นางสำเริง นิโรรัมย์ ชาวนาอีกราย เล่าว่า ก่อนหน้านี้นำข้าวที่เกี่ยวสดไปขาย แต่ได้ราคาต่ำเพียงกิโลกรัมละ 10 บาท แม้ไม่คุ้มทุนแต่จำเป็นต้องขาย เพราะต้องนำเงินไปจ่ายค่าจ้างรถเกี่ยว รอเงินค่าเก็บเกี่ยวจากรัฐบาลไม่ไหว อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือโดยออกโครงการประกันราคาข้าวไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 15–18 บาท ถึงจะอยู่ได้เพราะปีนี้ต้นทุนทำนาสูงมาก โดยเฉพาะค่าปุ๋ยแพงขึ้นเกือบเท่าตัว ค่าจ้างรถเกี่ยวไร่ละ 600 บาท และต้องจ้างคนมานอนเฝ้าข้าวอีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน