ชีวิตสุดรันทดแม่เอาบ้านไปจำนองเงินกู้นอกระบบ 2 แสนบาทส่งเสียให้ลูกเรียน ไม่มีเงินส่งเงินต้นและดอกเบี้ย จ่อถูกฟ้องยึดบ้าน

วันที่ 18 ธ.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านหลังหนึ่งเขต ต.หนองแก้ว อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นางแพงศรี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี เจ้าของบ้าน เป็นลูกหนี้เงินกู้นอกระบบ ต้องรับผิดชอบเลี้ยงดูส่งเสียหลานชาย จำนวน 3 คน และลูกสาว จำนวน 2 คน ที่กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ใน จ.ศรีสะเกษ

สภาพบ้านไม่มีโทรทัศน์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นเครื่องอำนวยความสะดวก ภายในบ้านมีเสื้อผ้า ที่นอนหมอนมุ้งและเครื่องใช้ที่เก่ามาก อับทึบ ไม่มีช่องทางระบายอากาศ มีไฟฟ้าส่องสว่างดวงเล็ก ๆ เพียง 2 ดวงเท่านั้น

นางแพงศรี กล่าวว่า ตนมีอาชีพเก็บของเก่าขาย เผาถ่านขาย เลี้ยงไก่เพื่อขายไข่ไก่ และรับจ้างทั่วไป เนื่องจากว่าแม่ของตนป่วยเป็นโรคมะเร็งและลูกสาว 2 คน หลาน 3 คน กำลังเรียนหนังสือ ตนจึงจำเป็นต้องไปกู้เงินนอกระบบตอนแรกกู้เงินรายวันคิดดอกร้อยละ 20 ตนไม่ได้คิดว่าร้อยละ 20 น่าจะมากกว่านั้นเพราะว่าใช้หนี้รายวัน ซึ่งตนกับสามีพยายามใช้หนี้ไปจนหมด

ขณะนี้เหลืออยู่แต่หนี้บ้านเพราะว่าตนนำบ้านไปจำนองกับนายทุนเงินกู้นอกระบบ ได้เงินมาจำนวนประมาณ 50,000 บาท แต่ต่อมาตนกับสามีไม่มีเงินที่จะส่งทั้งเงินต้นและเงินดอกเบี้ย ทำให้มีหนี้สินเพิ่มเป็นประมาณ 200,000 บาท ซึ่งบ้านหลังนี้นายทุนตีราคามา 200,000 บาท โดยนายทุนต้องการให้ตนใช้หนี้โดยด่วน เนื่องจากว่าตนติดหนี้มานานหลายปีแล้ว และนายทุนมีหนังสือแจ้งให้ตนไปชำระหนี้

หากไม่นำเอาเงินไปชำระหนี้ภายในกำหนดจะถูกดำเนินคดีฟ้องยึดเอาบ้านของตน ที่ตนเอาบ้านไปจำนองไว้ เพื่อนำเอาเงินมาใช้ในการรักษาแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งและลูกที่กำลังเรียนหนังสือ ตนรักษาแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็งอยู่ 4 ปีจนกระทั่งแม่ได้เสียชีวิต ส่วนลูกสาว 2 คนกำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย 2 แห่ง

ตนยังต้องรับผิดชอบเลี้ยงหลานชายอีก 3 คนที่กำลังเรียน เนื่องจากหลานชาย 2 คนแม่เสียชีวิต พ่อก็ไม่สนใจ หลานชายอีกคนนึงไม่มีพ่อ มีแต่แม่และแม่ได้ตายไป 5 ปีแล้ว ตนเดือดร้อนมากกินไม่ได้นอนไม่หลับแทบจะจบชีวิตมาแล้วหลายครั้ง แต่ลูกหลานให้กำลังใจสามีของตนก็ไม่ได้ทอดทิ้งเพราะว่าลำบากมาด้วยกันก็สู้ไปด้วยกัน ตนไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนเพราะตันไปหมด

เงินที่หามาได้ต้องใช้ในการดูแลลูกกับหลาน ตนยังไม่มีเงินใช้หนี้เลย ไปทำงานรับจ้างหาเงินมามีเงินติดกระเป๋าอยู่ 100-500 บาท ก็ใช้ซื้อกับข้าวให้ลูกหลานกินเช้ากลางวันเย็น เงินหมดก็หาเงินใหม่หาเช้ากินค่ำไปวัน ๆ เท่านั้น

ตอนนี้ตนท้อมาก ลำบากมาก จนไม่รู้จะอยู่ยังไง ตนต้องรับภาระหนักมากลูกสาว 2 คนกำลังเรียนระดับมหาวิทยาลัย หลานชายจะเรียนอยู่ชั้น ป.1,ป. 5 และ ป. 6 ตามลำดับ ตนต้องดูแลคนเดียวรายจ่ายวันนึงต้องจ่ายให้หลานไป ร.ร.คนละ 40 บาท 3 คนก็เป็นเงิน 120 บาทต่อวัน และต้องจ่ายเป็นค่ากับข้าวเพื่อให้หลาน 3 คน กินเป็นอาหารเช้าก่อนไป ร.ร. ซึ่งรวมแล้วจะต้องจ่ายเงินให้หลานวันละเกือบ 200 บาท

ตนขอให้เด็กได้กิน ตัวเองไม่มีกินก็ไม่เป็นไร ตนก็ไปหาปูหาปลาในห้วยหนองเป็นอาหารได้บ้างไม่ได้บ้าง ตนลำบากมากหันหน้าไปทางไหนก็ไม่มีใครอยากคุยด้วยเพราะเป็นคนจน จากที่ตนเคยเป็นคนชอบช่วยเหลือคน ทำมาหากินมีอะไรก็แบ่งปันเขากินหมดไม่เคยหวงอะไรช่วยเหลือเพื่อนตลอด แต่ก็ไม่ได้คิดว่าวันหนึ่งตนจะต้องมีสภาพแบบนี้ ตนรับจ้างมาตลอดจนอายุ 50 แล้วก็ยังมีสภาพเป็นแบบนี้

ตนขอฝากถึงท่านผู้หลักผู้ใหญ่ที่ดูแลในส่วนนี้ ท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและท่านไหนก็ได้ที่พอจะช่วยดูแลตนได้ นึกว่าช่วยลูกหมาลูกแมวตาดำ ๆไว้เถอะ เพราะตนต้องรับผิดชอบถึง 5 ชีวิตด้วยกัน ไม่เคยมีเงินเก็บมีแต่ใช้หนี้ไปวัน ๆ หากไม่มีเงินกู้ กยศ.ตนคงคิดว่าลูกไม่ได้เรียนต่อ คิดว่าคงจะต้องออกจากการเรียนหนังสือมาทำงานหากินประทังชีวิตไปวัน ๆ เท่านั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน