อึ้งปีใหม่ เจอเยาวชนอายุต่ำ 20 ปี เมาแล้วขับ 339 คน เล็งเอาผิดร้านค้าขายให้เด็ก แนะคนเดินทางกลับ เช็กยานพาหนะ เตรียมร่างกายให้พร้อม ปฏิบัติตามกฎจราจร

วันที่ 2 ม.ค. 2567 ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการอำนวยการอำนวยการความปลอดภัยทางถนน ว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบาย “ดื่มไม่ขับ ขับไม่ดื่ม” (Drink Don’t Drive) ที่มีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเกิดการรับรู้ เกิดการเฝ้าระวังด้วย 3 ด่าน คือ ด่านตนเอง ด่านครอบครัว และด่านชุมชน การบังคับใช้กฎหมายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ตั้งแต่ทั้งการตรวจร้านค้า การห้ามจำหน่ายในสถานที่ห้ามจำหน่าย และการขายให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี

รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่การตั้งด่านตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ การตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในผู้ขับขี่เมื่อเกิดอุบัติเหตุ มีการตรวจวัด ซึ่งจากการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเป็นผลให้สถิติการเกิดอุบัติเหตุจากดื่มแล้วขับลดลง เกิดความสูญเสียน้อยลง แต่ยังมีเรื่องน่ากังวลที่พบว่ามีเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี ดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถจนบาดเจ็บ ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ซึ่งจะมีการสืบกลับไปยังร้านค้าที่จำหน่ายเพื่อดำเนินคดีนพ.ธงชัย กล่าวต่อว่า จากรายงานการบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการจราจรในช่วงเทศกาลปีใหม่ของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน วันที่ 1 ม.ค.2567 เกิดอุบัติเหตุ 419 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 62 ราย บาดเจ็บ 422 ราย รวม 4 วัน 29 ธ.ค.2566 – 1 ม.ค.2567 เกิดอุบัติเหตุสะสม 1,570 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 190 ราย มีผู้บาดเจ็บ 1,574 ราย

ทั้งนี้ สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุมาจากการขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 37.52 ดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับ ร้อยละ 27.64 และทัศนวิสัยไม่ดี ร้อยละ 17.13 และจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข พบมีผู้ขับขี่ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ดื่มแอลกอฮอล์ 339 คน คิดเป็นร้อยละ 13.28 ของผู้ขับขี่อายุต่ำกว่า 20 ปี ที่เกิดอุบัติเหตุทั้งหมด

“ผลการเจาะเลือดตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุทางถนนและบาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิต กรณีที่ไม่สามารถตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ด้วยวิธีเป่าทางลมหายใจได้ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 ได้เจาะเลือดตรวจระดับแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุตามการร้องขอของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งหมด 661 ราย เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี 108 ราย พบปริมาณแอลกอฮอล์เกินกฎหมายกำหนด 98 ราย เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี 9 ราย”

นพ.ธงชัย กล่าวต่อว่า สำหรับการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับเครือข่ายด้านการแพทย์ฉุกเฉินเตรียมความพร้อมรองรับ ทั้งทางบก น้ำ และอากาศ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ ซึ่งมีการออกหน่วยปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉิน 5,839 ครั้ง และในส่วนของโรงพยาบาลเตรียมความพร้อมบริการ 24 ชั่วโมง โดยผู้ป่วยวิกฤต ฉุกเฉินเข้ารับการรักษาไม่เสียค่าใช้จ่ายใน 72 ชั่วโมงแรก

นพ.ธงชัย กล่าวอีกว่า ในช่วงนี้จนถึงวันที่ 4 ม.ค.2567 เป็นช่วงที่ประชาชนเดินทางกลับจากภูมิลำเนาหรือสถานที่ท่องเที่ยว หลังจากการเฉลิมฉลองหรือท่องเที่ยวอาจมีความเหนื่อยล้า แนะนำให้มีการเตรียมความพร้อมของยานพาหนะ รวมถึงผู้ขับขี่ควรมีการเตรียมความพร้อมของร่างกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ปฏิบัติตามกฎจราจร ขอให้สวมหมวกนิรภัย หรือคาดเข็มขัดนิรภัย ทุกครั้งที่มีการเดินทางทั้งใกล้และไกล เพื่อความปลอดภัยของประชาชน

“เมื่อขับรถติดต่อกันเป็นเวลานานสามารถพักรถได้ที่จุดบริการประชาชน จุดพักรถตลอดเส้นทาง หากมีการดื่มสุราของมึนเมา หรือใช้ยาที่มีฤทธิ์ง่วงซึม ควรงดการขับขี่เด็ดขาด ตามนโยบาย “ดื่มไม่ขับ ขับไม่ดื่ม” (Drink Don’t Drive) หากประชาชนพบผู้บาดเจ็บจากการจราจร หรือเจ็บป่วยฉุกเฉินสามารถโทรขอความช่วยเหลือ ได้ที่ 1669 ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ขอขอบคุณและขอส่งกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติงานทุกระดับที่เสียสละเวลา มาทำงานในช่วงวันหยุดอย่างแข็งขัน” นพ.ธงชัยกล่าว








Advertisement

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน