เพิ่งบวชได้ไม่กี่วัน จับสึกแล้ว พระพกปืนเหน็บเอว โพสต์เฟซบุ๊ก ยันเป็นปืนอัดลม น้อมรับความผิด ตัดพ้อสำนักพุทธไม่ฟังเหตุผล ทั้งที่ไม่ได้ทำผิดร้ายแรง

จากกรณีเพจ “อีซ้อขยี้ข่าว” โพสต์ภาพของพระสงฆ์รูปหนึ่งในลักษณะยืนหน้าแหงนมองฟ้า และมีอาวุธปืนเหน็บอยู่ที่เอว พร้อมระบุข้อความ “ชายแทร่โพสต์ยั่วชวนญาติโยมจองกฐิน ใส่สบงแล้วทรงพลัง วัด ในจังหวัดราชบุรี” สร้างเสียงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมของพระสงฆ์ในรูปจากผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก

วันที่ 13 มี.ค.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี พร้อมด้วยสื่อมวลชน ลงพื้นที่ไปยังวัดที่เป็นประเด็นดังกล่าว เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยได้พบกับ พระอธิการศิริ เจ้าอาวาส นางจินดา โม่มาลา ผู้ใหญ่บ้าน และนายมานะ สุขสม ไวยาวัจกรวัด ซึ่งให้ข้อมูลว่าพระรูปดังกล่าวเคยเป็นพระลูกวัดจริง มีชื่อว่า นายสายฟ้า หรือ เบนซ์ อายุ 32 ปี หลังจากเกิดเรื่องได้ลาสิกขาไปแล้วตั้งแต่ช่วงสายของวันนี้

จากนั้นเจ้าอาวาสพาเจ้าหน้าที่ไปดูสภาพห้องพักของ นายสายฟ้า พบว่า ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวขณะบวชเป็นพระสงฆ์ ทั้งย่าม หมอน ผ้าห่ม ตาลปัตร ปิ่นโต และเครื่องสังฆทานจำนวนหนึ่งยังอยู่ครบ ส่วนอาวุธปืนในรูปภาพ นายมานะ ไวยาวัจกรของวัด ได้นำมาให้ดูพบว่าเป็นปืนอัดลมพลาสติกสีดำ

นางจินดา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่3 เปิดเผยว่า จากการสอบถามเจ้าอาวาสและพระลูกวัด ทราบว่าในระหว่างบวช นายสายฟ้า ก็เป็นพระที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีการทำวัตรปฏิบัติของสงฆ์เป็นปกติ แต่ด้วยความเป็นคนขี้เล่นและความอ่อนพรรษา

จึงนำปืนอัดลมมาเหน็บเอวเล่น ซึ่งกระทำไปด้วยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หลังจากที่มีภาพพระพกปืนออกสื่อ ทางสำนักพุทธฯ จึงมีคำสั่งให้ทางวัดดำเนินการสึกในช่วงสายของวันนี้

ต่อมาเจ้าหน้าที่และผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านพักของ นายสายฟ้า ที่อยู่ห่างจากวัดประมาณ 2 กิโลเมตร พบว่ายังคงมีป้ายไวนิลประชาสัมพันธ์และร่องรอยของการจัดงานอุปสมบทที่ผ่านมาได้เพียงไม่นาน

ด้าน นายสายฟ้า เปิดเผยว่า ตนเข้าพิธีอุปสมบทที่วัดเจริญธรรม เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยเป็นการบวชเพื่อทดแทนพระคุณพ่อแม่นาน 15 วัน และจะครบกำหนดลาสิกขาในวันพรุ่งนี้ (14 มี.ค.67) เวลา 10.00 น.

ส่วนภาพดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากตนบวชได้เพียง 4 วัน ด้วยความนึกสนุกขี้เล่น จึงขอยืมปืนอัดลมที่ไม่มีลูกกระสุน ซึ่งทางวัดใช้สำหรับไล่นกพิราบมาเหน็บเอว แล้วให้ลูกศิษย์ที่วัดถ่ายรูปให้ และได้โพสต์ในเฟซบุ๊กมาแล้วหลายครั้ง แต่ก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร

ต่อมาช่วงเย็นวานนี้ (12 มี.ค.67) ตนจึงนำภาพดังกล่าวมาโพสต์ใหม่ ซึ่งเป็นการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว และไม่ได้เปิดเป็นสาธารณะ มีเพียงกลุ่มเพื่อนในเฟซบุ๊กจำนวนประมาณ 500 คนเท่านั้นที่จะเห็น

กระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. พี่สาวซึ่งอยู่ที่ต่างจังหวัดแชทข้อความมาบอกว่าให้ตนรีบลบโพสต์ดังกล่าว เพราะมีคนนำภาพของตนไปโพสต์ในเพจดัง และมีคนเข้ามาต่อว่ามากมาย ทั้งนี้ คาดว่าน่าจะมีคนในกลุ่มเพื่อนในเฟซบุ๊กนำภาพดังกล่าวไปแชร์ต่อจนกลายเป็นประเด็น

ตนยอมรับว่าภาพที่โพสต์ออกไปดูไม่เหมาะสมจริง ๆ ขอน้อมรับความผิดที่ตนไม่ได้ใช้ความระมัดระวังและคิดให้ถี่ถ้วน แต่อย่างไรก็ตามตนรู้สึกน้อยใจที่พระผู้ใหญ่และสำนักพุทธฯ ไม่ยอมรับฟังถึงเหตุผล และตรวจสอบถึงที่มาที่ไปของภาพจากตนซึ่งเป็นผู้โพสต์ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร แต่กลับบีบทางวัดให้ตนต้องลาสิกขาทันที

ทั้งที่ตนไม่ได้ทำผิดร้ายแรงอย่างการเสพยาเสพติด หรือมั่วสีกา การกระทำครั้งนี้เป็นเพียงความผิดเล็กน้อย สามารถว่ากล่าวตักเตือนกันได้ และที่สำคัญคือ ตนมีกำหนดลาสิขาในวันพรุ่งนี้ จะปล่อยให้ครบกำหนดวันลาสิขาไม่ได้เลยหรือ เรื่องนี้สร้างความเสียใจและผิดหวังให้กับคนในครอบครัวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพ่อกับแม่ ซึ่งพยายามเก็บเงินตั้งใจจัดงานบวชให้กับตน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน