รวบ2 แก๊งโรแมนซ์สแกม ใช้ลูกไม้หลอกเหยื่อให้รัก คดีแรกแค่4เดือนสูญ15ล้าน คดี2หลอกนาน 6 ปี สูบเงิน60 ล้าน เหยื่อสิ้นเนื้อประดาตัว

เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 67 พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท.พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท. พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ รอง ผกก.2 บก.ปอท. พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ มงคลการ, พ.ต.ต.ธนนชัยย์ ศรีบุญจันทร์ สว.กก.2 บก.ปอท. ร่วมกันแถลงผลจับกุมผู้ต้องหาแก๊งโรแมนซ์สแกม จำนวน 2 คดี สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 7 คน

พล.ต.ต.อธิป เปิดเผยว่า คดีแรกเข้าจับกุม นายอิทธิกร พุ่มอยู่ อายุ 31 ปี น.ส.อัญชลี เวชบรรพต อายุ 30 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันทุจริตหรือหลอกลวงโดยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ,ร่วมกันโอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด”

พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ 11 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร ,บัตรกดเงินสด,บัตรเครดิต รวม 16 รายการ นาฬิกา, พระเครื่อง, เครื่องประดับ,กระเป๋า-รองเท้าแบรนด์เนม และทรัพย์สินอื่น ๆ อีกหลายสิบรายการ

สำหรับคดีแรก ผู้ต้องหาทั้ง 2 มีพฤติกรรมนำภาพของบุคคลอื่นที่เป็นหญิงสาวหน้าตาดี มาสร้างบัญชีของแอพพลิเคชันเอ็กซ์ (X), เฟซบุ๊ก และไลน์ปลอม ขึ้นมา จากนั้นก็เข้าไปตีสนิทเหยื่อที่เป็นผู้ชายมีฐานะ เมื่อเห็นว่าเหยื่อเริ่มหลงเชื่อ หรือหลงรัก ก็จะกุเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้นมาให้ดูน่าสงสาร ก่อนออกอุบายขอเงินไปใช้หนี้ต่าง ๆ ด้วยความสงสารผู้เสียหายจึงหลงเชื่อทยอยโอนเงินให้เรื่อยมา รวมเป็นเงินกว่า 15 ล้านบาท

พล.ต.ต.อธิป กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาทางผู้เสียหายกับผู้ต้องหานั้นไม่เคยเจอกันเลย เพราะทุกครั้งที่ผู้เสียหายนัดเจอ ทางผู้ต้องหาก็จะพยายามบ่ายเบี่ยงอ้างติดธุระต่างๆ แต่ด้วยความสงสาร ประกอบกับหลงรักสาวตัวปลอมที่ผู้ต้องหาสร้างขึ้นมาประกอบด้วยคำพูดว่านล้อมต่างๆ จนทำให้เหยื่อใจอ่อนยอมโอนเงินไปให้ ภายหลังเมื่อมารู้ความจริง จึงนำเรื่องเข้าแจ้งความ จนนำมาสู่การจับกุมตัว

สอบสวน ผู้ต้องหาทั้ง2 รับสารภาพว่า นำภาพถ่ายของบุคคลอื่นมาใช้สร้างตัวตนปลอมหลอกลวงผู้เสียหายจริง เงินที่ได้มาก็จะยักย้ายถ่ายเทไปยังบัญชีธนาคารอื่น ๆ หรือนำไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ซื้อของแบรนด์เนม เที่ยวต่างประเทศ เล่นการพนันต่าง ๆ จนหมด จากการตรวจสอบเพิ่มเติมยังพบว่านอกจากผู้เสียหายรายนี้ยังมีเหยื่อถูกลักษณะเดียวกันอีกว่า 40 ราย ขณะนี้สามารถยืนยันตัวบุคคลได้แล้วกว่า 10 ราย

ด้าน พ.ต.อ.สุพจน์ กล่าวต่อว่า สำหรับคดีที่ 2 เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม น.ส.นนทิกาญจน์ ศศิวรรธ์อายุ 35 ปี นายวชิระ เนียมทรัพย์ อายุ 30 ปี น.ส.กฤษติกา ชมพูสระ อายุ 30 ปี นายก้องภพ สระทองโอน อายุ 34 ปี นายจีรศักดิ์ ลำพล อายุ 31 ปี

ทั้งหมดเป็ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันทุจริตหรือหลอกลวงโดยนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ,สมคบฟอกเงิน และ ร่วมกันฟอกเงิน”

พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือ 11 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร รวม 13 รายการ รวมถึงทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิด อาทิ พระเครื่อง, เครื่องรางของขลัง, กระเป๋า-รองเท้าแบรนด์เนม และทรัพย์สินอื่นๆ โดยจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดได้ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และ กรุงเทพฯ

สำหรับคดีดังกล่าวสืบเนื่องจากเมื่อปี 2559 น.ส.นนทิกาญจน์ กับนายวชิระ ทั้งสองนั้นเคยเป็นสามีภรรยากันมาก่อน ได้ร่วมกันใช้แอคเคาท์ปลอม นำรูปภาพหญิงสาวสวย เข้าไปตีสนิทเหยื่อเป็นผู้ชายมีฐานะ ตามแอพพลิเคชั่นหาคู่ ก่อนจะแลกไอดีไลน์ที่ทำปลอมขึ้นเข้าไปพูดคุยสานต่อความสัมพันธ์เชิงชู้สาว

จนกระทั่งเมื่อเห็นว่าเหยื่อเริ่มหลงเชื่อไว้ใจ และตกหลุมรัก ผู้ต้องหาก็จะเริ่มออกอุบายหลอกลวงเงิน โดยอ้างว่าตนป่วยเป็นโรคมะเร็ง และโรคร้ายแรงจำเป็นต้องใช้เงินค่ารักษาจำนวนมาก รวมทั้งยังมีหนี้สินอีกเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้เสียหายเกิดความเห็นใจโอนเงินมาให้ ผู้ต้องหาก็จะพูดจาหว่านล้อม

อ้างว่าหากอาการป่วยหายดีแล้วก็จะย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน เมื่อเห็นว่าผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินมาให้เรื่อยๆ ประกอบกับผู้ต้องหาเห็นว่าเหยื่อนั้นมีทรัพย์สินจำนวนมาก จึงเริ่มชักชวนพรรคพวกมาร่วมช่วยกันหลอกเงินเพิ่มในลักษณะเป็นขบวนการ

โดยแบ่งหน้าที่กันปลอมเป็นตัวละครต่างๆมากมาย เพื่อให้เหยื่อตายใจ จนสามารถหลอกเงินได้เรื่อยมาเป็นเวลานานกว่า 6 ปี มีการโอนเงินไปถึง 960 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 63 ล้านบาท ทั้งๆที่ผู้เสียหายไม่เคยพบเจอหน้าสาวในฝันกันมาก่อน กว่าที่เหยื่อจะรู้ตัวก็ถูกหลอกจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัวไปแล้ว

ภายหลังผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอกจึงนำเรื่องเข้าแจ้งความไว้ที่ กก.2 บก.ปอท. จนมีการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและตามจับกุมตัวกลุ่มผู้ต้องหาไว้ได้ดังกล่าว จากการสอบสวน

ทั้งหมดรับสารภาพว่า ร่วมกันหลอกลวงเงินผู้เสียหายจริง เงินที่ได้มาก็จะนำมาแบ่งกัน ออกเที่ยวเตร่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม เที่ยวต่างประเทศ ซื้อที่ดิน รถยนต์หรู รวมถึงทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ จนเงินหมดไปแล้ว จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน