น.ศ.จีนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข่มขู่เรียกค่าไถ่ พบไทม์ไลน์สาเหตุที่มาไทย ต้องการเคลียร์ หลังถูกหลอกว่าทำธุรกรรมจนเหยื่อตาย พบกำลังระบาดในกลุ่มส่งลูกเรียนนอก

จากกรณีที่มีนักศึกษาชาวจีน อายุ 22 ปี ที่เรียนอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย ได้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข่มขู่ หลอกโอนเงิน และบังคับให้เดินทางมายังประเทศไทยก่อนจะเรียกค่าไถ่จากครอบครัว จำนวน 8 ล้านหยวน (32 ล้านบาท)

แต่ครอบครัวพบความผิดปกติ เงินที่ให้ไว้ใช้ระหว่างศึกษาที่ออสเตรเลียจำนวน กว่า 7.5 ล้านบาทได้ถูกทยอยถอนออกจากบัญชีน้อง ไปยังบัญชีบุคคลอื่นหลายครั้ง จากนั้นทางครอบครัวได้เดินทางมาขอความช่วยเหลือผ่านชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ให้ช่วยตามหาลูกสาว ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

อ่านข่าว แม่-ลูกเจอกันแล้ว น.ศ.ปริญญาโทจีน อ้างติดหนี้พนันถูกเรียกค่าไถ่ 40 ล้าน พบอยู่ในโรงแรม

ชัดแล้ว น.ศ.จีนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข่มขู่เรียกค่าไถ่ หลังพบระบาดหนักในกลุ่มที่ส่งลูกเรียนต่างประเทศ

ชัดแล้ว น.ศ.จีนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข่มขู่เรียกค่าไถ่ หลังพบระบาดหนักในกลุ่มที่ส่งลูกเรียนต่างประเทศ

ต่อมาชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค2 ร่วมกับสืบสวนตำรวจนครบาล ทำการสืบสวนจนได้พบข้อมูลว่านักศึกษาคนนี้ ได้เดินทาง เข้ามาในประเทศไทยในวันที่ 13 เม.ย.ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ต่อเนื่องวันที่ 14 เม.ย. และได้ขึ้นแท็กซี่เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ 1 คืน

จากนั้นเช็กเอาต์ออกจากโรงแรม และไม่ปรากฏข้อมูลว่าเดินทางไปที่ไหน ต่อมาวันที่ 17 เม.ย.เวลาประมาณ 10.00 น.ได้โทรหาแม่เพื่อขอเงิน ระหว่างนั้นมีเสียงผู้ชายเข้ามาในสาย ลักษณะข่มขู่ จากนั้น ขึ้นรถแท็กซี่จากย่านลาดกระบัง กทม. ไปที่เอกมัยเพื่อขึ้นรถต่อไปยัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ในช่วงเที่ยง

กระทั่งวันที่ 18 เม.ย. ได้เดินทางออกจากที่พักใน อ.ศรีราชา โดยมีการแวะซื้อซิมโทรศัพท์ คาดว่าน่าจะถูกหลอกหรือถูกข่มขู่ ก่อนที่วันที่ 19 เม.ย.จะขึ้นรถทัวร์จากแหลมฉบังเดินทางมาลงที่เอกมัย ช่วงเวลาประมาณ 14.46 น. และผ่านหน้าห้างสรรพสินค้าเกตเวย์เอกมัย ช่วงเวลาประมาณ 15.00 น.

ชัดแล้ว น.ศ.จีนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข่มขู่เรียกค่าไถ่ หลังพบระบาดหนักในกลุ่มที่ส่งลูกเรียนต่างประเทศ

ก่อนจะเดินทางขึ้นรถแท็กซี่ สีเขียวเหลือง มาลงที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านบางรัก กทม. จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าช่วยเหลือ และนำตัวมาสอบปากคำที่ สน.บางรัก เมื่อคืนที่ผ่านมา

ล่าสุดช่วงบ่าย วันที่ 21 เม.ย.2567 ที่ กก.1 บก.สอท.1 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้พาตัวน้องนักศึกษาชาวจีน ที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก ได้เงินไปกว่า 7.5 ล้านบาท มาพบเจ้าหน้าที่เพื่อสอบปากคำ

นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า สำหรับพฤติการณ์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนนั้น มีการพัฒนาโดยสามารถตรวจสอบได้ว่าลูกของคนจีนที่มีฐานะคนไหน ไปเรียนต่างประเทศบ้าง ทั้งอังกฤษ อเมริกา และออสเตรเลีย ซึ่งตอนนี้ในอเมริกาแก๊งแบบนี้กำลังระบาดอย่างหนัก

ชัดแล้ว น.ศ.จีนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข่มขู่เรียกค่าไถ่ หลังพบระบาดหนักในกลุ่มที่ส่งลูกเรียนต่างประเทศ

สำหรับเคสนี้ที่น้องไปศึกษาต่อที่ประเทศออสเตรเลีย อาจจะต้องมีการแสดงการเงินให้ทางมหาลัยเห็นว่าเด็กต้องมีจำนวน 1.5 ล้านหยวน หรือประมาณ 7.5 ล้านบาท

โดยพฤติการณ์จะอ้างลักษณะเดียวกันกับที่ประเทศไทยโดนหลอก ว่ามีการเปิดซิมแล้วส่งข้อความผิดกฎหมายไปยังบุคคลอื่น ซึ่งคนแรกจะอ้างเป็นเจ้าหน้าที่เครือข่ายมือถือ แล้วส่งให้คนที่ 2 ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐ ก่อนจะส่งต่อให้คนที่ 3 ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ระหว่างที่คุยไม่เปิดโอกาสให้ผู้เสียหายใช้มือถือ เพื่อทำการตรวจสอบ จากนั้นให้น้องทำธุรกรรมผ่านโปรแกรมแชทต่างๆ พร้อมทำบันทึกข้อตกลงจะไม่มีการนำข้อมูลที่คุยกันไปเปิดเผยให้กับบุคคลภายนอกรวมถึงครอบครัว หากนำไปเปิดเผยก็จะถูกดำเนินคดี

ชัดแล้ว น.ศ.จีนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข่มขู่เรียกค่าไถ่ หลังพบระบาดหนักในกลุ่มที่ส่งลูกเรียนต่างประเทศ

จากนั้นบังคับน้องให้เซ็นรับสภาพหนี้ จำนวน 8 ล้านหยวน ( ประมาณ 32 ล้าน) ผ่านทางออนไลน์ และบังคับให้รายงานตัว 5 ครั้งต่อวัน เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าจะไม่หนี โดยตั้งแต่เริ่มไปเรียนที่ออสเตรเลีย ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ คนร้ายเริ่มหลอกเหยื่อให้โอนเงิน ครั้งแรก 4 หมื่นหยวน

ครั้งที่ 2 โอน 5 แสนหยวน แต่ธนาคารที่เซี่ยงไฮ้ ไม่อนุมัติให้โอนเนื่องจากเป็นเด็กและมีการโอนเงินจำนวนมาก ซึ่งคนร้ายให้เด็กไปแสดงตัวกับทางธนาคาร สุดท้ายก็เสียเงินไปเกือบทั้งหมด เหลือติดตัวอยู่ประมาณ 5 แสนบาท

และสาเหตุที่ต้องเดินทางมาที่ประเทศไทย เนื่องจากคนร้ายอ้างว่าถ้ามาที่ประเทศไทย จะมีเครือข่ายช่วยแก้ปัญหาเรื่องธุรกรรมที่ถูกนำไปทำผิดกฎหมาย และสามารถทำให้พ้นผิดได้ แต่ถ้าไม่มาก็จะถูกจับดำเนินคดี เพราะการทำธุรกรรมของน้องครั้งนี้ ทำให้มีคนต้องเสียชีวิตจนต้องฆ่าตัวตาย

ชัดแล้ว น.ศ.จีนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข่มขู่เรียกค่าไถ่ หลังพบระบาดหนักในกลุ่มที่ส่งลูกเรียนต่างประเทศ

จึงทำให้น้องเกิดความกลัว และยอมทำตามทุกอย่าง แต่ที่มาไม่ใช่ว่ากลัวถูกฆ่า แต่ที่มาเพราะต้องการเคลียร์ตัวเองเท่านั้น

ด้าน พ.ต.ท.ธนธัส กังรวมบุตร รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ สอท.1 ระบุว่า สำหรับเรื่องนี้ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่ต่างประเทศ เพราะคนจีนที่มีฐานะ มักจะชอบส่งลูกไปเรียนที่ต่างประเทศ ซึ่งมีลักษณะเดียวกัน และมักจะเป็นลูกคนมีฐานะส่วนใหญ่ ซึ่งในที่ไทยเองก็เคยเกิดมาแล้ว แต่ก็ยังไม่เท่ากับต่างประเทศ

แต่ที่สำคัญพอเกิดเรื่องขึ้นแล้ว คนร้ายมักจะข่มขู่ให้ตกใจกลัว ว่าถ้ามีหลักฐานที่คุยกับมิจฉาชีพไว้ในมือถือจะถูกทำร้าย ส่วนนี้เลยทำให้ผู้เสียหายกลัวแล้วกลายเป็นว่า ผู้เสียหายเองลบข้อมูลออก จึงทำให้ต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐาน ให้เกิดความชัดเจนเสียก่อนจึงจะดำเนินการขั้นต่อไปได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน