กรมศิลป์รุดตรวจ โครงการรถไฟรางคู่ ต.ทุ่งกวาว ขุดเจอวัดร้าง-วัตถุโบราณ ชาวบ้านลืออาถรรพ์เจ้าที่ มีคนหลับตายลึกลับ เจองูเหลือม พายุ เชื่อเป็นวัดร้างเฮี้ยนจัด
เมื่อวันที่ 22 เม.ย.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้าน ต.ทุ่งกวาว อ.เมือง จ.แพร่ แตกตื่นการค้นพบวัตถุโบราณจำนวนมาก ที่บริเวณเขตก่อสร้างโครงการรถไฟรางคู่ บ้านนาแหลม หมู่ 3 ต.ทุ่งกวาว อ.เมือง จ.แพร่ โดยมีการขุดหน้าดิน ฝังเสาเข็ม ก่อนพบซากอิฐเก่า พระเครื่อง เบี้ย ไหเบี้ย ฆ้องสัมฤทธิ์ ถ้วยชาม อายุหลาย 100 ปี
ต่อมากรมศิลปากร ที่ 7 เชียงใหม่ เดินทางเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว โดยทราบว่าพื้นที่การก่อสร้างเป็นวัดป่าสูง วัดร้างเก่าแก่ และวัดผกาเสนโด ที่จมหายไปที่ ม.3 ตำบลทุ่งกวาว อ.เมือง จ.แพร่ โดยอยู่ในเส้นสร้างทางรถไฟ
โดยวัดป่าสูงที่พบตามประวัติเดิมแล้ว สร้างคู่กับวัดพระธาตุใจดี พระธาตุเจดีย์วัดร้างที่เพิ่งบูรณะไปใกล้วัดนาแหลมเหนือ ห่างไปประมาณ 300 เมตร ซึ่งวัดป่าสูงจมหายไปเหลือแต่เรื่องเล่าว่า มีวัดนี้อยู่จุดนี้ แต่ก็ไม่ได้ตรวจสอบจนเกิดการเวนคืนที่ดินสร้างทางรถไฟ
พอการรถไฟเข้ามาก่อสร้างก็ขุดเจอวัดเก่า โดยมีการลงมือขุดเมื่อเดือนมกราคม แต่มาทราบเรื่องก็ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ขณะนี้สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ทราบเรื่องและกั้นพื้นที่ไว้แล้ว ทำให้การก่อสร้างหยุดชะงักลงชั่วคราว
นายจตุพร เทียมทินกฤต นักโบราณคดีชำนาญการ สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ กล่าวว่า จากการที่ทางกรมศิลปากรที่ 7 จ.เชียงใหม่ เดินทางมาตรวจสอบบริเวณพื้นที่โดยรอบที่มีกองดิน อิฐ ทับถมกันจาก การทำงานขุดลอกปรับพื้นที่ของโครงการรถไฟรางคู่ ที่กำลังตอกเสาเข็มเพื่อทำตอม่อแนวทางรถไฟรางคู่ และตรวจสอบวัตถุโบราณที่ขุดพบ ประกอบด้วย เครื่องกระเบื้อง ถ้วยชาม ก่อนอิฐ เป็นต้น
เบื้องต้นคาดว่าวัตถุโบราณที่พบน่าจะอยู่ในยุคสมัยต้นรัตนโกสินทร์ และเป็นพื้นที่ชุมชนหนาแน่นมาก่อน โดยเมื่อครั้งอพยพผู้คนเพื่อเดินทางหนีสงครามจากเชียงรายไปยังภาคกลาง ที่มาตั้งรกรากกันเป็นชุมชนแห่งนี้ ซึ่งจะต้องกั้นพื้นที่เพื่อศึกษาค้นคว้ากันต่อไป
นายสมฤทธิ์ สุขมี ผู้ใหญ่บ้านนาแหลม หมู่ 3 ต.ทุ่งกวาว อ.เมือง จ.แพร่ เล่าว่า พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่วัดป่าสูง วัดนี้เป็นวัดร้างมานาน ตั้งแต่ตนจำความได้ ตรงนี้เป็นพื้นที่รกร้าง ก่อนก่อสร้างทางรถไฟ สำรวจตั้งแต่สมัยอดีตผู้ใหญ่บ้าน
พื้นที่โดยรอบเป็นทุ่งนาเวลาไถ่นากินพื้นที่ของวัดไป ใบโฉนดนั้นอยู่ที่สำนักพระพุทธศาสนา ก่อนก่อสร้างทราบกันอยู่แล้วว่าที่ตรงนี้เป็นสถานที่สร้างสถานีรถไฟ แต่เรื่องการเวนคืนที่ดินชาวบ้านไม่รู้ แต่ก่อนหน้านี้ตั้งแต่สมัยปู่ ย่า ก็มีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้น ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นอาถรรพ์ที่แรง มีเรื่องชาวบ้านนอนเสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุหลายราย เมื่อก่อนบริเวณใกล้เคียงนี้มีห้างนาอยู่ก็มีคนนอนเสียชีวิต ใกล้ๆ ที่แห่งนี้
“จะมองว่าอาถรรพ์หรือประจวบเหมาะก็ได้ สมัยก่อนมีชาวบ้านพากันมาขุดจนเกิดเป็นบ่อน้ำขึ้นมา บางครั้งก็มีงูเหลือมเลื้อยมา เป็นฝนเป็นลม น้ำบ่อนั้นชาวบ้านก็ยังใช้กันอยู่ เมื่อมาทำไร่ทำนาแถวนี้ ภาษาบ้านเรียกที่เค็ม ตรงนี้ที่มันแรง ไม่เคยทำพิธีอะไร เพราะพื้นที่เป็นป่า ป่าต้นจามจุรี ป่างิ้วแดง สิ่งที่แสดงว่าเป็นวัดอยู่คือ
ชาวบ้านไถนาแล้วพบลูกนิมิตอยู่กลางทุ่งนาเท่าที่ตนจำความได้ ก่อนหน้านี้ลุงคนเลี้ยงวัวอยู่ที่นี่แกค้นพบกระดิ่ง แล้วแกนำมาห้อยคอไว้ ดูจากกองดินแล้วน่าจะขุดลงไป 2-3 เมตร แล้วนำดินมากองไว้ตรงนี้” นายสมฤทธิ์ กล่าว
นายสมฤทธิ์ กล่าวต่อว่า ตอนตนมาทำนาเรียงฟางข้าวอยู่ เห็นลูกแก้วสีเขียวขนาดเท่ากำปั้น สวยงามเปล่งประกาย ลอยขึ้นมาจากวัดร้างและลอยขึ้นไป หาวัดพระธาตุเจดีย์วัดเก่าแก่อีกวัด ที่อยู่ในพื้นที่ หมู่ 6 ต.ทุ่งกวาว ที่อยู่ในละแวกเดียวกัน แต่ไม่รู้สึกกลัว
ยืนยันว่าเห็นมากับตา และเป็นเรื่องจริง เพียงแค่ตอนนั้นก็ยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว และเป็นวัดร้างที่พ่อของตนในสมัยก่อนนันต้องหาซื้อลูกปืนยาวไปหลายกล่อง เมื่อครั้งไปขโมยขุดเอาพระเครื่องในกรุวัดร้างนี้ ที่เจอทั้งงูเหลือมตัวใหญ่ พายุ ลมฝนฟ้าคะนอง เชื่อกันว่าเป็นวัดร้างที่เฮี้ยนจัด
ด้าน นายคะนึง ขันทอง หรือโหนก ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 กล่าวว่า ตอนเด็กลุงเล่าว่ามีผีมาเข้าฝัน ให้ไปขุดสมบัติที่วัดร้างแห่งนี้ ที่มีบ่อน้ำอยู่ใกล้กันแล้วจะพบสมบัติพอขุดลงไปก็เจอไห ในไหมีพระเครื่อง เรือใบเงิน สมบัติต่างๆ ตนยังเข้าไปขอดูที่บ้านของลุงในตอนนั้น พบเพียงพระเครื่องที่ขุดได้พร้อมไห
นายชินณวุฒิ วิลยาลัย ผู้อำนวยการ สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ เปิดเผยว่า เบื้องต้นจะส่งเจ้าหน้าที่ลงมาสำรวจและประสานการรถไฟแล้ว ซึ่งทางด้านทางรถไฟก็มากั้นเส้นขาวแดงไว้ให้ ต่อไปก็จะต้องมาคุยกันว่าจะดำเนินการอย่างไร
ประกอบกับความต้องการของชาวบ้านว่า ต้องการอนุรักษ์สถานที่ตรงนี้ไว้เช่นไร ซึ่งตอนนี้เราก็ยังไม่ทราบแนวเขตสิ้นสุดของรถไฟอยู่ตรงไหน ก็เป็นเรื่องที่เราจะต้องทำต่อไปในเดือน 2 เดือนนี้
นอกจากนี้จะต้องลงพื้นที่เข้ามาสำรวจและติดตามสอบถามหาโบราณวัตถุ ที่ชาวบ้านเจอช่วยเก็บและอนุรักษ์ไว้ ซึ่งจากนี้จะต้องประสานงานกับกำนันผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้าน ในเรื่องของงานศิลปากรแล้วนั้น ยังมีชาวบ้านที่อยากจะทราบเขตชัดเจนของทางรถไฟ และจะเข้าไปรบกวนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวบ้านด้วยหรือไม่ ต้องมานั่งคุยกัน
เบื้องต้นพบวัตถุโบราณเท่าที่ทราบเห็นจากภาพที่ลงนั้น เป็นพระพิมพ์ปกโพธิ์ ซึ่งโพธิ์นี้หักไปแล้ว ชิ้นส่วนก้อนของดินเผา หลายๆชิ้น และอิฐที่มีลายอักษร และลวดลายต่างๆ คาดว่าน่าจะเป็นในส่วนของดินชั้นบน ซึ่งเห็นว่ามีกองดินใหญ่อยู่คาดว่าจะเจออีกมาก ซึ่งเบื้องต้นคาดว่า อายุเกือบ 400-500 ปี