รู้กลุ่มแล้ว 6 คนร้าย ทีมยิงปลัดอบต.-ผู้ใหญ่บ้าน คาสนามบอล อบต.คอลอตันหยง รอเช็กปลอกกระสุน ยืนยันชัดเจน ตรวจที่เกิดเหตุ เจอหลักฐานเพิ่ม รอพยานชี้ตัวมือปืน

กรณีคนร้ายใช้ปืนจ่อยิง นายเชิดชัย พรมราดแก้ว อายุ 56 ปี ปลัด อบต.คอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เสียชีวิต และยังไล่ยิง นายสิทธิชัย เพ็ชรสุริยา อายุ 47 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.6 เสียชีวิต เป็นรายที่ 2 อย่างอุกอาจ กลางสนามบอล และยังมีเจ้าหน้าที่ พ่อค้า ถูกลูกหลงบาดเจ็บ 2 ราย หลังเสร็จการแข่งขันฟุตบอล ที่สนามกีฬา อบต.คอลอตันหยง เมื่อค่ำวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 9 พ.ค.67 พ.ต.อ.พัฒนชัย ปาละสุวรรณ ผกก.สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี พร้อมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งจากการเข้าตรวจสอบเจ้าหน้าที่พบปลอกกระสุนปืน ขนาด 9 มม.และเอ็ม 16 เพิ่มเติมหลายปลอกจึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน

ทั้งนี้ปลอกกระสุนปืนของคนร้ายที่ก่อเหตุนั้น ทางชุดพิสูจน์หลักฐานส่งตรวจสอบว่า อาวุธปืนที่คนร้ายใช้นั้นจะตรงกับการก่อเหตุใดบ้าง และเชื่อว่าน่าจะรู้กลุ่มและตัวคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้


ชุดสืบสวนสอบสวนเร่งติดตามพยานในที่เกิดเหตุมาสอบปากคำเพิ่มเติม เนื่องจากช่วงเกิดเหตุนั้น มีพยานหลายคนเห็นเหตุการณ์รวมไปถึงตัวคนร้าย ทั้งนี้ สืบเนื่องจากมีพยานบางรายระบุว่า คนร้ายที่ก่อเหตุทั้งหมด 6 คน เข้ามาประชิด และข้าง 2 คน จ่อยิงระยะประชิด ไม่ได้ปิดบังใบหน้า อีก 2 คุมเชิงด้านหลัง และมีปืนยาวอีก 2 คน ตรงขอบสนามด้านบน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทุกตัว รวมไปถึงฐานชุดคุ้มครองตำบล ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุเพียง 200 เมตร

ขณะที่ชุดสืบสวนสอบสวนคดีความมั่นคง ระบุว่า เบื้องต้นเชื่อว่าน่าจะเป็นกลุ่มของ นายอดินัน อาแว และนายไซฟุดดิน หะยีปูเตะ แกนนำระดับปฏิบัติการณ์ในพื้นที่ อ.หนองจิกและ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี และมีหมายจับหลายคดี

ทั้งนี้จากการข่าวที่ได้รับรายงานระบุว่า กลุ่มคนร้ายมีความพยายามที่จะก่อเหตุกับเป้าหมายในพื้นที่ ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐระดับท้องถิ่น โดยคนร้ายที่ก่อเหตุครั้งนี้มีการวางแผนล่วงหน้า และทำงานเป็นทีมหลายคน ทั้งชุดเฝ้าระวัง ชุดชี้เป้า และชุดปฏิบัติการณ์

ส่วนมือปืนขณะนี้กำลังไล่ตรวจสอบพยานหลักฐาน รวมไปถึงภาพข้อมูลประวัติ เพื่อนำไปให้พยานชี้ตัวว่า ใช่คนร้ายที่ก่อเหตุหรือไม่ ที่สำคัญหากผลจากการตรวจสอบปลอกกระสุนออกมา ก็จะยืนยันชัดเจนว่า เป็นฝีมือของกลุ่มใด

ผู้สื่อข่าวติดตามไปถึงในงานพิธีศพของ นายสิทธิชัย ผู้ใหญ่บ้านที่เสียชีวิต ทางญาติตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลาที่ทำการคณะกรรมการหมู่บ้าน ม.6 บ้านไร่ ต.คอลอตันหยง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 3 กม. โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า มีญาติและชาวบ้านในพื้นที่ที่ทราบข่าว

ต่างเดินทางมาให้กำลังใจครอบครัวตลอดเวลา เนื่องจากผู้ตายถือเป็นคนในพื้นที่ และเป็นที่รักของชาวบ้าน ส่วนศพของ นายเชิดชัย อายุ 56 ปี ปลัด อบต.คอลอตันหยง ทางญาตินำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา

นางภัควรรณ ธรรมมสะโร ภรรยาผู้ใหญ่บ้าน เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุตนโทรหาสามี แต่คนที่รับสายคือ อส. ตนก็ถามว่า สามีตนเป็นอย่างไรบ้าง แต่ อส.ก็ไม่ได้พูดอะไร ก็วางสายไป ตนก็สงสัยจึงชวนญาติพากันไปที่สนามเพื่อไปหาสามี ตนก็ถามทุกคน แต่ไม่มีใครรู้ เมื่อไปที่สนามตนเห็น ปลัดถูกยิงเสียชีวิต ส่วนสามีตนก็ไม่รู้อยู่ไหน กระทั่งอส.โทรมาบอกว่า เจอผู้ใหญ่แล้ว นอนเสียชีวิตที่พงหญ้า ห่างจากศพปลัด 10 เมตร

“สภาพจิตใจคนในครอบครัวย้ำแย่มาก ทุกคนเสียใจมาก เพราะสามีเป็นเสาหลักของครอบครัว แล้วชาวบ้านทุกคนพอทราบข่าวต่างเสียใจ เพราะสามีเป็นคนดี เป็นคนที่กว้างขวางทุกคนรู้จักดี หลังจากนี้ก็ไม่รู้ว่าจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร เมื่อสามีจากไปแล้ว ก็ต้องพึ่งพาตัวเอง แต่ตอนนี้ก็ไม่แน่ใจว่าจะเข้มแข็งพอไหม แต่ก็ต้องพยายามสู้ให้ได้ ส่วนลูกๆตอนนี้สภาพจิตใจยังย้ำแย่ เห็นสิ่งของที่พอใช้ทุกอย่างน้ำตาก็ไหลออกมาอยู่ตลอด” นางภัควรรณ กล่าว

ด้าน นายนูรดี อับดุลราฮิม นายอำเภอหนองจิก กลับจากเยี่ยมงานศพที่อำเภอสะบ้าย้อย เปิดเผยว่า ค่อยข้างชัดว่าการปฎิบัติการ เป็นกลุ่มขบวนการฯ เพราะล็อคเป้าหมายชัดเจน ทำงานเป็นชุด ประมาณ 6 คน มียิงกันจากด้านหลัง 2 คน เข้าไปยิง 2 คน อีก 2 คุมเชิงรอบนอก

ขณะนี้กำชับให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบหาข้อมูลคนร้ายให้เร็วที่สุด เบื้องต้นพอทราบข้อมูลกลุ่มที่ก่อเหตุแล้ว กำลังเร่งติดตามและรอผลจากวัตถุพยาน ซึ่งก็ต้องรอจากพนักงานสอบสวน มีคนเห็นเป็นพยานหลายคนมาก ต้องติดตามให้ชัด

ส่วนการดูแลเยียวยาครอบครัวของผู้ใหญ่บ้านนั้น ทราบว่าผู้ตายมีลูก 2 คน คนโตเป็น อส. ส่วนคนเล็กกำลังศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งก็จะดูแลในเรื่องทุนการศึกษา เมื่อจบการศึกษาก็สามารถใช้ผู้ได้รับผลกระทบบรรจุเป็นข้าราชการ

“ส่วนภรรยาก็อาจจะหาทางให้ได้มีงานทำ ตอนนี้ต้องดูแลในเรื่องเยียวยาจิตใจ พื้นที่แห่งนี้ถือเป็นพื้นที่พหุวัฒนธรรม ตัวท่านผู้ใหญ่ท่านนี้เป็นคนในพื้น ที่และเป็นที่รักของชุมชนทุกศาสนา ผู้ใหญ่ก็จะใช้ภาษามลายูเป็นหลัก ผมยังคิดว่าท่านเป็นอิสลาม ผู้ใหญ่จะดูแลชาวบ้านอย่างดีทุกศาสนา และเข้าใจพื้นที่อย่างดี น่าเสียดายมาก ปัจจุบันท่านเองยังสร้างที่ละหมาดให้กับชาวมุสลิมในพื้นที่ ฉะนั้นจะเห็นได้ว่า คนในพื้นที่จะรักใคร่กันด้วย” นายนูรดี กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน