แม่สุดเศร้า พบร่าง อดีตพลทหาร วัย 23 ปี กลับบ้านหางานทำ ถูกนายจ้างไม่จ่ายเงิน เก็บตัวเงียบอยู่แต่ห้อง ก่อนหายตัวปริศนา เจอเป็นศพลอยกลางทะเล
วันที่ 23 พ.ค.2567 ร.ต.อ.สิทธิพัฒน์ สุขประกอบ รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.ปากน้ำระนอง เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 18.30 น.ของวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งเหตุพบศพชายลอยน้ำเสียชีวิต บริเวณร่องน้ำหน้าเกาะเหลา ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเรือเร็วจากตำรวจน้ำระนอง และอาสาสมัครกู้ภัย มูลนิธิระนองสงเคราะห์
ที่เกิดเหตุพบศพชายสวมเสื้อยืดคอกลมสีดำ และกางเกงสีดำ คาดเข็มขัดทหารบก สายไนล่อนสีดำ ลอยคว่ำหน้าลอยน้ำอยู่กลางทะเล ลักษณะศพขึ้นอืด เมื่อกู้ร่างขึ้นเรือ พบรอยสัก เลข ๙ และอักษรภาษาไทย “ลูกเกิดในรัชกาลที่ ๙”
ซึ่งทั้งเสื้อผ้าและรอยสักตรงกับที่มีญาติมาแจ้งบุคคลสูญหายที่สภ.ปากน้ำระนอง เมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งกลับไปยังญาติว่า พบศพ นายพลพจน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี อดีตพลทหาร สังกัดค่ายแห่งหนึ่ง อ.เทพา จ.สงขลา
ญาติพี่น้องพร้อมกลุ่มเพื่อนเดินทางมารับพร้อมกับ นางเสาวลักษณ์ (ขอสงวนนามสกุล) แม่ ได้จุดธูปมารอรับลูกชายอยู่ที่ท่าเรือ ภายหลังจากนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นจากเรือตำรวจน้ำระนอง มาวางไว้ที่ท้ายรถมูลนิธิระนองสงเคราะห์ รอแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลระนอง ชันสูตรพลิกศพ
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า เมื่อคืนวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนผู้ตายหายตัวไป ได้ขับรถจักรยานยนต์ของแม่ออกไปพบปะพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนสนิท 4-5 คน ที่จับกลุ่มคุยกันตามประสาเพื่อน แต่เพื่อน ๆ ยังแอบเห็นช่วงระยะหลังปลดทหารเกณฑ์ ผู้ตายจะเงียบไม่ค่อยพูดและรื่นเริง
จนเพื่อน ๆ ถามไถ่ว่ามีอะไรหรือไม่ แต่นายพลพจน์ไม่ได้พูดหรือเล่าอะไร ก่อนแยกย้ายกันไปกลางดึก ส่วนนายพลพจน์ขับรถมาจอดที่หน้าศาลเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรเขตต์อุดมศักดิ์ บ้านปากคลอง ซึ่งจะเป็นปลายแหลมและเป็นปากคลองแม่น้ำ ที่เรือประมงจะใช้เป็นเส้นทางเข้าออกทะเล
ก่อนจะจอดรถจักรยานยนต์ทิ้งไว้ พร้อมถอดรองเท้าและนำบัตรประชาชนวางไว้ข้างรถจักรยานยนต์ โดยที่แรงงานชาวเมียนมาที่อยู่ใกล้กับจุดจอดรถจักรยานยนต์ และอยู่ตรงกันข้ามศาลเสด็จเตี่ย ได้ยินเสียงคนเดินลงไปลุยโคลน และมีเสียงโวยวายคนเดียวอยู่ในคลอง ก่อนเสียงจะเงียบไป
จนรุ่งเช้าก็ไปเล่าให้เถ้าแก่เจ้าของแพปลาฟัง ก่อนไปแจ้งให้ตำรวจทราบ และตำรวจ สภ.ปากน้ำระนอง ไปแจ้งให้แม่นายพลพจน์ทราบ แล้วออกติดตาม จ้างเรือหางยาวรับจ้างตระเวนหาในทะเล ร่วม 2 วัน จนมาพบร่างช่วงใกล้ค่ำที่ผ่านมา
นางเสาวลักษณ์ กล่าวว่า เมื่อวัน 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจโทรไปแจ้งว่ามีรถจักรยานยนต์ของตนมาจอดทิ้งอยู่ที่หน้าศาลเสด็จเตี่ยกรมหลวง ก็ได้เข้ามาดูตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา คนที่แพปลาและตำรวจมาบอกว่า ทางแพเขาพูดให้ตำรวจฟังว่า มีเด็กคนหนึ่งมาจอดรถไว้ที่หน้าแพ ตอนเวลา 01.00 น. แล้วก็เดินลงไปในน้ำ
นางเสาวลักษณ์ กล่าวต่อว่า ตอนนั้นน้ำทะเลลดลง เมื่อเดินลงไปแล้วโวยวายเสียงดัง แบบตะโกนออกมา สุดท้ายคงไปจมในโคลน มีการแถก ๆ และดิ้น ๆ ไป สุดท้ายก็หายตัวไปเลย แต่ว่าตอนนั้นตนก็ยังไม่รู้ แล้วเขาก็บอกว่าเขาก็ไม่รู้ว่าเป็นลูกใครอะไรยังไง เขาก็ไม่กล้าไปยุ่ง เพราะว่าคนที่เจอนั้นเป็นเมียนมาที่เฝ้าแพอยู่
นางเสาวลักษณ์ กล่าวอีกว่า แล้วเขาก็มาบอกเถ้าแก่ในตอนเช้า เถ้าแก่ก็บอกว่า เดี๋ยวถ้ายังไง ยังไม่มีใครมาเอารถ ก็จะค่อยแจ้งตำรวจไป สุดท้ายแล้ว ตำรวจก็แจ้งตนมา ตนก็มาดู จึงรู้ว่าลูกเดินลงน้ำไป
นางเสาวลักษณ์ กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้าลูกก็จะอยู่กับกลุ่มเพื่อน เพื่อนก็ถามมีอะไรไหม เป็นอะไรไหม ลูกมีนิสัยเป็นเด็กเงียบ ไม่ค่อยพูด อยู่บ้านก็อยู่แต่ในห้องอย่างเดียว ชอบอยู่กับโทรศัพท์ มีโลกส่วนตัว อายุ 23 แล้ว งานทำบ้าง ไม่ทำบ้าง
แม่ กล่าวว่า มีไปทำงานอยู่พักหนึ่ง เขาไม่ให้เงินเลยออกมา ก็มาอยู่บ้านกำลังหางานทำ ทีแรกว่าจะไปสมัครเคอร์รี่ พี่สาวเขาบอกว่าให้รองานที่แพปลา เดี๋ยวรอให้ตำแหน่งว่าง จะให้ไปขับรถดีกว่า ซึ่งพี่สาวก็คุยให้ฟัง สถานะปัจจุบันอยู่ในช่วงตกงาน
ภายหลังแพทย์นิติเวช ได้ร่วมชันสูตรพลิกศพ และแม่ยืนยันว่าเป็นลูกชายจริง และไม่ติดใจในสาเหตุของการเสียชีวิต สภาพศพขึ้นอืด แพทย์คาดจะเสียชีวิตมา 36-48 ชั่วโมง ตามร่างกายไม่มีร่องรอยหรือบาดแผลจากการทำร้ายร่างกาย
ก่อนร้อยเวรอนุญาตให้มูลนิธินำร่างส่งฝ่ายนิติเวช เพื่อผ่าหาสาเหตุมีน้ำเข้าปอดหรือไม่ พร้อมติดตามกล้องวงจรปิดพื้นที่ใกล้เคียง และสอบปากคำแรงงานเมียนมาที่เห็นเหตุการณ์มาเป็นพยาน ในการเลือกจบชีวิตของอดีตพลทหารรายนี้ต่อไป