เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ที่สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ นายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผู้อำนวยการสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เชิญตัว น.ส.บุษกร สมงามดี อายุ 26 ปี พนักงานรักษาความปลอดภัยแผนกตรวจค้นสัมภาระผู้โดยสาร มาสอบสวนหลังกล้องวงจรปิดบริเวณจุดตรวจสัมภาระผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ บันทึกภาพขณะน.ส.บุษกร หยิบเงินสดในกระเป๋าผู้โดยสารชาวจีน ใส่เสื้อสูทตัวเอง

โดยจากการตรวจค้นพบเงินหยวน 4,000 ยวน คิดเป็นเงินไทย กว่า3 หมื่นบาทอยู่เสื้อสูท ทำให้น.ส.บุษกร ยอมรับสารภาพทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ไม่ได้มีเจตนาจะขโมยและเพิ่งก่อเหตุเป็นครั้งแรกหลังทำงานมานาน 2 ปี เบื้องต้นเจ้าหน้าแจ้งข้อหาลักทรัพย์ในท่าอากาศยาน ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

นายกิตติพงศ์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของผู้ต้องหารายนี้ เนื่องจากตรวจสอบภาพวงจรปิดพบว่าการก่อเหตุอย่างมืออาชีพและรู้วิธีการเป็นอย่างดี แต่คำรับสารภาพของผู้ต้องหานั้นสามารถทำได้ หลังจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบวงจรปิดย้อนหลังว่ามีพฤติกรรมในลักษณะนึ้หรือไม่หากตรวจพบก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มทันที ส่วนผู้เสียหายทราบว่าเป็นชาวจีนซึ่งนั่งเครื่องบินจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังสนามบินฮ่องกงและต่อไปยังประเทศจีน โดยหลังจากนี้ได้ประสานสายการบินให้ติดต่อผู้เสียหายและเเจ้งเรื่องให้ทราบว่าสนามบินสุวรรณภูมิได้จับกุมผู้ต้องหาและติดตามเงินคืนให้ได้แล้ว

“สำหรับพฤติกรรมของน.ส.บุษกร เป็รพนักงานรักษาความปลอดภัยแผนกตรวจค้นสัมภาระผู้โดยสารที่กำลังปฎิบัติหน้าที่ จากภาพวงจรปิดพบว่ามีผู้โดยสารชาวจีนท่านหนึ่งได้ผ่านจุดตรวจเอกซเรย์สัมภาระโดยจะต้องนำทรัพย์สินและกระเป๋าทั้งหมดวางใส่ตะกร้าที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้เพื่อผ่านเครื่องเอกซเรย์ แต่พฤติกรรมของสาวรปภ.ท่านนี้ได้รูดซิบกระเป๋าผู้โดยสารจนเห็นว่ามีเงินสดในกระเป๋า จากนั้นดึงตะกร้าใบไว้แล้วเลื่อนตะกร้าถัดไปปล่อยเข้าเครื่องเอกซเรย์รอจังหวะที่มีถุงสีขาวใบใหญ่มาถึงจึงเลื่อนมาบังก่อนจะแอบฉกเงินใส่ในกระเป๋าเสื้อสูทตัวเอง ซึ่งภาพวงจรปิดถูกใช้เป็นหลักฐานสำคัญทำให้เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนการท่าฯเชิญตัวมาสอบสวน”

นายกิตติพงศ์ กล่าวต่อว่า ตนได้เรียกบริษัทรปภ.คู่สัญญามารับทราบเรื่องและแจ้งมาตรการของทางสนามบินให้ทราบแล้ว หากพบว่ายังมีพนักงานก่อเหตุอีกก็จะมีผลของการต่อสัญญาในอนาคตด้วย ส่วนผู้ต้องหารายนี้ตนได้สั่งการให้ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อคนอื่นต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน