จากกรณีที่นายสุพกิจ ปั้นแปลก อายุ 43 ปี เกษตรกรชาวนา หมู่ที่ 3 ต.วังสำโรง อ.บางมูลนาก ผูกคอตายใต้ต้นฉำฉากลางทุ่งนาของตัวเอง สาเหตุเกิดจากปัญหาเรื่องหนี้สินรุงรังมานานหลายปี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางอรนุช ชัยชาญ หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาสังคมและสวัสดิการ สนง.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดพิจิตร พร้อมด้วย น.ส.กมลวรรณ กำแหง หัวหน้าศูนย์บ้านเด็กและครอบครัวจังหวัดพิจิตร ได้เดินทางไปที่วัดวังสำโรง หมู่ที่ 3 ต.วังสำโรง อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร เพื่อนำเงินไปช่วยเหลือครอบครัวของนายสุพกิจ โดยทางพัฒนาสังคมฯได้ช่วยเหลือเงินจำนวน 5 พันบาท และบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดพิจิตรช่วยเหลือเป็นเงินสดจำนวน 1 พันบาท ซึ่งเป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้นให้กับครอบครัวของนายสุพกิจ เนื่องจากมีลูกถึง 4 คน ที่ต้องรับภาระเลี้ยงดู
นางอุบล ปั้นแปลก ภรรยาของผู้เสียชีวิต กล่าวทั้งน้ำตานองหน้าว่า อยู่กินกับนายสุพกิจมานานกว่า 20 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน อีก 2 คน เป็นลูกติดจากภรรยาเก่าของนายสุพกิจ ครอบครัวมีรายได้จากการทำนาเป็นหลัก ที่ผ่านมา สามีเคยเป็นช่างไฟฟ้าและช่างแอร์ ซึ่งเป็นเพียงงานอดิเรกเป็นอาชีพเสริมเท่านั้น งานหลักจริงๆของครอบครัวนั้นทำนามาโดยตลอดทั้งชีวิต
นางอุบลกล่าวว่า ที่ผ่านมาตนและสามีทำนาทั้งหมด 90 ไร่ ที่นาจริงๆเป็นของนายระทม พ่อสามี ซึ่งมีที่นาเป็นของตัวเองทั้งหมด 55 ไร่ เช่านาทำอีก 35 ไร่ รวมแล้ว 90 ไร่ ที่ผ่านมาครอบครัวเราจ้างเขาทำนาบ้าง ทำเองบ้าง ส่วนเงินก็กู้จากสหกรณ์การเกษตรอำเภอบางมูลนาก มาลงทุนในการทำนาประมาณ 8 แสนกว่าบาท รวมดอกและต้นก็ตกประมาณเกือบล้านบาท
นายอุบลกล่าวว่า ปัญหาเรื่องหนี้สิน เท่าที่ทราบ สามีได้ให้พ่อไปจำนองที่ดิน 2 โฉนด 17 ไร่ กับ 24 ไร่ รวม 54 ไร่ กับสหกรณ์ฯ บางมูลนาก ซึ่งในปีนี้ก็ครบกำหนดที่จะต้องชำระเงินให้กับทางสหกรณ์การเกษตร นอกจากนี้ยังมีหนี้สินกับเงินกองทุนหมู่บ้านอีก 5 หมื่นบาท ปัญหาเรื่องหนี้สินเป็นปัญหาหลักของครอบครัว
“พอรู้ว่าราคาข้าวตกต่ำ สามีได้พูดว่าตอนนี้หนี้สินของเราเยอะนะ เราจะอยู่กันอย่างไร เงินค่าข้าวปีนี้ตกต่ำ เราจะทำอย่างไรดีกับปัญหาหนี้สิน ซึ่งฉันก็ให้กำลังใจว่าให้สู้กันต่อไป ที่ผ่านมาสามีเป็นคนร่าเริง ชอบช่วยเหลือคนในหมู่บ้าน หลังจากนี้ต่อไปก็ต้องอยู่ดูแลลูกต่อไป ที่กังวลที่สุดคือปัญหาเรื่องหนี้สิน”นางอุบลร่ำไห้กล่าว
นางอุบลกล่าวว่า ที่มีข่าวออกมาว่าสามีตนเป็นช่างแอร์ ไม่ได้เป็นชาวนานั้น ถามจริงๆ ไปเอาข่าวมาจากไหน สามีเคยทำแอร์จริง แต่เลิกทำนานแล้ว เคยลงมาดูชาวนาบ้างหรือเปล่าว่าเขาอยู่กันอย่างไร ให้มาถามคนที่วังสำโรงดูว่าสามีตนทำนาหรือเปล่า อย่าไปพูดแบบนั้นเพราะไม่เป็นความจริง
น.ส.สมจิตร ปั้นแปลก อายุ 45 ปี พี่สาวของนายสุพกิจ กล่าวว่า สาเหตุที่น้องชายผูกคอตายนั้น เกิดจากความเครียดเรื่องหนี้สะสม และเป็นหนี้กับสหกรณ์การเกษตร นอกจากนี้ยังมีหนี้สินกับเงินกองทุนหมู่บ้านอีก พอมารู้ว่าข้าวในปีนี้ราคาตกต่ำ ขายข้าวก็ไม่พอใช้หนี้ กลัวว่าพ่อจะเดือดร้อน เพราะพ่อเป็นคนไปกู้เงินให้น้องชายมาทำนา
“ส่วนที่มีข่าวออกมาว่าน้องชายเป็นช่างแอร์ และไม่ได้เป็นชาวนานั้น ยอมรับว่าที่ผ่านมาน้องชายเคยเป็นช่างแอร์จริง แต่เลิกทำมานานแล้ว อาชีพหลักคือทำนา การเสียชีวิตของน้องชายนั้น ขอให้เป็นรายสุดท้ายที่ชาวนาผูกคอตายเพราะปัญหาเรื่องราคาข้าวตกต่ำ ฝากบอกไปยังรัฐบาลว่า ขอให้ช่วยเหลือชาวนาอย่างจริงจัง”
นายราชัน เขียวงาม ผู้ใหญ่บ้านหมูที่ 3 ต.วังสำโรง อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร เผยว่า ครอบครัวของนายสุพกิจนั้น จริงๆแล้วทำนาเป็นอาชีพหลัก ที่ข่าวลงว่าเป็นช่างแอร์นั้น อดีตนายสุพกิจเคยเป็นช่างแอร์จริง แต่เลิกมานานแล้ว และทำนามาโดยตลอด คนที่วังสำโรงเขารู้กันทั้งนั้น ตอนนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นคือเรื่องหนี้สินของนายสุพกิจ เท่าที่ทราบคือหนี้จากสหกรณ์การเกษตร 8 แสนแล้ว รวมดอกและต้นก็ตกเกือบล้าน พอรู้ว่าปีนี้ข้าวตกเกวียนละไม่ถึง 6 พันบาท ก็เกิดความเครียด แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลจะช่วยเหลือเพิ่มมาอีก 800 ก็ตาม
นายราชันกล่าวอีกว่า การทำนานั้นต้องใช้เงินเยอะ ค่าปรับที่นา ค่าตีแปลงนาอีก ค่าปุ๋ย ค่ารถเกี่ยวก็ไร่ละ 600 บาทแล้ว มันจะเหลืออะไร ถามว่านายสุพกิจทำนา 90 ไร่ เมื่อเก็บเกี่ยวไปแล้ว จะได้ข้าวประมาณ 45 เกวียน รวมแล้วก็ 2 แสนกว่าบาท ถามว่าจะเอาตรงไหนไปใช้หนี้สหกรณ์การเกษตรได้ แถมยังเป็นหนี้กองทุนหมู่บ้านอีก 5 หมื่นบาทอีก หนี้สินเยอะแยะขนาดนี้มันก็ต้องเกิดความเครียด