เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 23 มี.ค. นางไพรวัลย์ พรมวัง อายุ 56 ปี ชาวบ้านวังหิน ต.ชุมแพ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ร้องเรียนต่อสื่อมวลชน หลังร.พ.ชุมแพ ผ่าตัด น.ส.กาญจนาพร พรมวัง อายุ 22 ปี บุตรสาว จนเสียชีวิต ทิ้งหลานชายแรกเกิดให้ต้องกำพร้าแม่ และไม่ได้รับความรับผิดชอบจาก รพ.ดังกล่าวแต่อย่างใด

นางไพรวัลย์ กล่าวว่า ผู้ตายเป็นบุตรสาวฝากครรภ์แบบพิเศษที่คลินิกแพทย์หญิงซึ่งเป็นแพทย์ประจำร.พ.ชุมแพ โดยครบกำหนดคลอดที่ร.พ.ชุมแพ วันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยครอบครัวให้ผู้ตาย ไปรอคลอดที่ รพ.ชุมแพ โดยทีมแพทย์ตรวจสภาพเด็กภายในครรภ์พบว่า ทารกไม่กลับหัว ต้องผ่าตัดทำคลอด แพทย์เจ้าของไข้เป็นผู้ผ่าตัดทำคลอด พร้อมทีมพยาบาลอีก 3-4 คน โดยพาลูกสาวเข้าห้องผ่าตัดในช่วงเช้าวันดังกล่าว ซึ่งการผ่าตัดคลอด แพทย์แจ้งว่าใช้วิธีบล็อคหลัง โดยหลังจากเข้ารับการผ่าตัดได้ไม่นาน พยาบาลออกมาแจ้งกับครอบครัวว่า ลูกสาวหัวใจหยุดเต้น แต่ปั้มหัวใจฟื้นคืนมาแล้ว ส่วนทารกเป็นเพศชาย น้ำหนัก 2.8 กก. ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ดี แต่หลังจากผ่าตัดลูกสาวอาการไม่ดีขึ้น ต้องเข้าห้องไอซียู และเย็นวันเดียวกันได้ถูกส่งตัวไปทำการรักษาที่ ร.พ.ขอนแก่น โดยทำการพักรักษาตัวจนถึงวันที่ 8 มี.ค. ลูกสาวก็เสียชีวิตลง

นางไพรวัลย์ กล่าวต่อว่า ได้สอบถามแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดทำคลอดได้รับคำตอบว่า เป็นเพราะแพ้ยาบล็อคหลัง แต่พอส่งตัวไป รพ.ขอนแก่น แพทย์นำตัวเข้าเอกซเรย์ ตรวจอย่างละเอียด พร้อมแจ้งว่า ลูกสาวเกิดอาการติดเชื้อในปอด จากสาเหตุของน้ำคล่ำแตก ไหลเข้ากระแสเลือดและเข้าสู่ปอด ซึ่งแพทย์ รพ.ขอนแก่น ได้ดูแลรักษาอย่างดี แต่ปอดติดเชื้อไปหมดจนกระทั่งเสียชีวิต ซึ่งเมื่อลูกสาวเสียชีวิต ร.พ.ขอนแก่นออกใบรับรองแพทย์ ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่า เกิดจากภาวะน้ำคล่ำอุดตันเส้นเลือดที่ปอด ทำให้ครอบครัวติดใจสาเหตุการเสียชีวิตในครั้งนี้อย่างมาก จึงไปหาแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดทำคลอดอีกครั้ง เพื่อขอความช่วยเหลือเยียวยาให้เห็นแก่หลานชายที่กำพร้าแม่ แต่แพทย์รายนี้ บอกเพียงว่าเข้าใจ แต่ไม่มีเงินให้ จึงมอบนมผงเด็กให้ 1 กล่อง ครอบครัวจึงไม่ขอรับ และเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเอาผิดกับทางโรงพยาบาล ซึ่งยังไม่มีความคืบหน้า จึงออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชน

ผู้สื่อข่าวประสานวานไปยัง นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น กล่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ทางแพทย์ทำการผ่าตัด เพื่อทำคลอด โดยขณะนั้นมารดาเกิดมีอาการถุงน้ำคล่ำเข้ากระแสเลือด หรือทางการแพทย์เรียกว่าโรค เอ็มโบริซึ่ม (embolism) ซึ่งโรคนี้มีโอกาสน้อยที่จะเกิดขึ้นกับมารดาระหว่างคลอด แต่เมื่อเกิดขึ้นก็ยากที่จะรอดชีวิต ซึ่งทางแพทย์เมื่อทราบว่าเกิดอาการถุงน้ำคล่ำเข้ากระแสเลือด ได้ทำการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และเร่งช่วยชีวิตเด็กในครรภ์จนสามารถช่วยเหลือเด็กเอาไว้ได้ ต่อมาแม่ของเด็กมีอาการเข้าขั้นวิกฤติซึ่งเกิดจากโรคเอ็มโบริซึ่ม หรือถุงน้ำคล่ำเข้ากระแสเลือด ซึ่งได้ระดมทีมแพทย์เข้าให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และส่งต่อเข้าห้องไอซียู พร้อมรักษาจนสามารถอยู่ในสถานะที่สามารถส่งต่อได้ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน ซึ่งโรคเอ็มโบริซึ่มที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยรายนี้ แพทย์ได้รเอ็กซเรย์และซีทีสแกนจนมั่นใจว่าเป็นโรคเอ็มโบรึซึ่มอย่างชัดเจน จึงส่งต่อผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่ ร.พ.ขอนแก่น และทำการพักรักษาจนถึงวันที่ 8 มี.ค.61 จนตัวผู้ป่วยเองไม่สามารถต้านทานโรคนี้ได้และเสียชีวิตลง

“ยืนยันว่าได้ช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างเต็มที่และมีแนวโน้มดีขึ้นในขณะนั้น แต่เป็นเหตุสุดวิสัยทางการแพทย์ด้วยตัวของโรคเอ็มโบริซึ่มที่หากผู้ป่วยรายใดเป็นก็มีโอกาสรอดชีวิตได้ยาก ทั้งนี้ ร.พ.ชุมแพ และร.พ.ขอนแก่น ได้ทำความเข้าใจกับญาติของผู้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งยืนยันอีกครั้งว่าได้ทำถูกต้องตามกระบวนการแพทย์ภายใต้กฎหมายรองรับทุกอย่าง อย่างไรก็ตามสำหรับการเยียวยานั้น ผู้ป่วยรายนี้มีบัตรประกันสุขภาพแห่งชาติ การเยียวยาจะเป็นไปตามระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการอาจจะต้องใช้เวลาสักระยะ ทั้งนี้ยืนยันว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ แต่เกิดจากโรคเอ็มโบริซึ่ม หรือถุงน้ำคล่ำเข้ากระแสเลือด ที่มักจะเกิดขึ้นในผู้ป่วยที่ทำการคลอดทั้งแบบธรรมชาติและการผ่าคลอด”ผอ.รพ.ชุมแพ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน