หลวงปู่หนูอินทร์ นำญาติผู้เสียชีวิตเก็บเถ้ากระดูกหลังครบ 3 วัน เพื่อล้างอาถรรพ์วิญญาณเหยื่อทัวร์มรณะ ขณะที่ ขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์ เผย ผู้ประกอบการ กันเองทัวร์ ขอยกเลิกกิจการแล้ว โดยทำการขายรถที่อยู่ในสังกัดทั้งหมด เนื่องจากหมดกำลังใจและเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนไม่สามารถทำธุรกิจต่อไปได้

เมื่อเวลา 05.00 น. วันที่ 28 มี.ค. ที่วัดดงกระยอม ต.ห้วยโพธิ์ และที่วัดป่าพุทธมงคล ต.หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ พระราชศีลโสภิต หรือหลวงปู่หนูอินทร์ เกจิชื่อดังภาคอีสาน นำญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุรถทัวร์มรณะ ทำการเก็บเถ้ากระดูกผู้เสียชีวิตทั้ง 2 แห่งรวม 14 ราย ซึ่งเมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้ทำการฌาปนกิจบนเชิงตะกอนหรือเผาแบบกองฟอนพร้อมกัน แต่เนื่องจากเพื่อความสบายใจ ตามทำเนียมความเชื่อโบราณ จึงได้ปล่อยให้เชิงตะกอนดับเอง เพื่อลดอาถรรพ์กรณีตายโหงให้วิญญาณสงบ และเป็นกุศลโลบายให้ญาติได้ทำใจก่อนที่จะทำการประกอบพิธีทางศาสนา

สำหรับบรรยากาศการเก็บกระดูกของญาติยังคงอยู่ท่ามกลางความเสียใจ เพราะไม่มีใครต้องการให้เกิดอุบัติเหตุ ต่างหวังว่ากรณีอุบัติเหตุรุนแรงเช่นนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย การเก็บกระดูกในครั้งนี้พระราชศีลโสภิต ยังได้พรมน้ำมนต์แผ่เมตตาให้วิญญาณสงบไปสู่ภพภูมิที่ดีขึ้น

นายกฤษฎา มะลิซ้อน ขนส่งจังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า การเอาผิดกับนางทัน เลิศสหพันธ์ เจ้าของกิจการกันเองทัวร์ ก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกทะเบียนรถที่เกิดเหตุ เนื่องจากใช้งานไม่ได้อีกแล้ว และการเพิกถอนใบขับขี่ของนายกฤษณะ จุฑาชื่น คนขับรถ และล่าสุดนางทันได้เข้ามาขอยกเลิกการประกอบธุรกิจทัวร์ หรือยกเลิกการขออนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา

นายกฤษณะ กล่าวต่อว่า สำหรับรถในบริษัททัวร์มี 3 คัน คือ 1.คันเกิดเหตุ ส่วนคันที่ 2 ได้ขายให้กับบุคคลอื่นไปแล้ว และ คันที่ 3 ทราบว่า ได้นำรถทัวร์ไปขายให้กับผู้ประกอบการรายหนึ่งที่จ.นครปฐม เพื่อยุติการประกอบธุรกิจรถทัวร์ เนื่องจากเสียใจต่อเหตุการที่เกิดขึ้น แต่ในด้านการเอาผิดเกี่ยวกับกฏหมายขนส่งนั้น เนื่องจากรถที่เกิดเหตุไม่ได้มาตตรวจสภาพรถจริงครั้งที่ 2 ตามกฏหมาย

นายกฤษณะ กล่าวอีกว่า เพราะตามกฏหมายรถทัวร์คันดังกล่าว อยู่ในหมวดรถโดยสารสาธารณะไม่ประจำทาง หรือรถเหมาเช่า จะต้องนำมาตรวจสภาพกับขนส่งปีละ 2 ครั้ง เหมือนกับรถโดยสารประจำทางสาธารณะ ซึ่งตามกำหนดระยะเวลารถคันนี้จะต้องนำมาตรวจสภาพครั้งที่ 2 ไม่เกินเดือน ม.ค. 2561 ซึ่งผู้ประกอบการยังคงต้องมาดำเนินการจ่ายค่าปรับ โดยมีอัตราปรับสูงสุดถึง 50,000 บาท เพราะทำผิดเงื่อนไขของกรมขนส่งทางบก

สำหรับบรรยากาศการสอบปากคำผู้บาดเจ็บ และญาติผู้เสียชีวิต ยังคงดำเนินต่อไปเป็นวันที่ 2 โดยตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ และ ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้อำนวยความสะดวกให้กับญาติและผู้เสียหาย เพื่อเร่งสรุปสำนวนในการส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดนครราชสีมาคาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน นับจากนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน