น้ำตาท่วมป่าช้า เผาแล้ว เด็กน้อยในครรภ์ 8 เดือน หลังถูก เก๋งฝ่าไฟแดงชนสนั่น ตายทั้งกลม เปิดสาเหตุทำไมไม่เผาพร้อมแม่ เล่าเรื่องขนลุก เผยวันเกิดเหตุสลด
จากกรณีรถเก๋ง SUV ยี่ห้อฟอร์ด Territory ทะเบียนประเทศลาว ป้ายเหลือง นร 5699 แขวงคำม่วน สปป.ลาว ฝ่าไฟแดงชนรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีขาว ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 10 ราย ในจำนวนนี้ผู้ช่วยพยาบาลสาววัย 23 ปี ท้อง 8 เดือน ตายทั้งกลม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่สี่แยกไฟแดง บ.ดอนโมง ม.4 ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 ส.ค.2567 นายสมิง อายุ 56 ปี พ่อของ น.ส.วิชุดา ผู้เสียชีวิตและผู้เป็นตาลูกในครรภ์ เคลื่อนร่างหนูน้อยวัย 8 เดือน จากบ้านพักใน ต.นาราชควาย พร้อมญาติพี่น้องกว่า 50 คน นำร่างไปประกอบพิธีฌาปนกิจที่ป่าช้าวัดอรัญญวิเวก บ.นาราชควาย ม.10 ข้างริมรั้วมหาวิทยาลัยนครพนม

น้ำตาท่วมป่าช้า เผาแล้ว เด็กน้อยในครรภ์ 8 เดือน หลังถูก เก๋งฝ่าไฟแดงชนสนั่น ตายทั้งกลม เปิดสาเหตุทำไมไม่เผาพร้อมแม่ เล่าเรื่องขนลุก เผยวันเกิดเหตุสลด
โดยญาติได้นิมนต์พระสงฆ์ 4 รูปมาสวดมติกาบังสุกุล ขณะที่นายสมิง และน.ส.สุชาดา อายุ 28 ปี พี่สาวของผู้ตาย พร้อมญาติจำนวนหนึ่ง ได้เปิดโลงศพพบหนูน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม เอ็นดูและน่ารัก มีขวดนมและของเล่นที่นายสันติ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี ผู้เป็นลุงซื้อให้
ซึ่ง นายสมิง น.ส.วิชุดา และญาติได้นำแป้งมาลูบหน้าหนูน้อย พร้อมบอกว่า ขอให้ไปเป็นนางฟ้าอยู่บนสรวงสวรรค์ จากนั้นผู้เป็นลุงและตาได้นำขี้ไต้จุดที่กองฟอนเผาร่างหนูน้อย ท่ามกลางความเศร้าสลด น้ำตาท่วมป่าช้าดังกล่าว
นายสมิง กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องจุกอกพูดไม่ออก เพราะฝ่ายคนขับรถชนไม่เคยมาดูแล ไม่เคยมาถามไถ่ว่ามีกี่คนที่เจ็บและเสียชีวิต ไม่เคยมางานศพ เจอกันแค่ที่โรงพยาบาล นอนข้าง ๆ กันก็ไม่ถาม ลูกบาดเจ็บ 3 คนหลานอีก 2 และเมียอีก 1 คน ต้องส่งตัวไปที่โรงพยาบาลสกลนคร อีก 1 คนเพื่อสแกนสมอง
นายสมิง กล่าวต่อว่า อยากบอกพนักงานสอบสวนว่า ทำไมถึงไม่ให้พวกเราแจ้งความ บันทึกประจำวันแล้วลงว่าร่วมประมาทขับรถประมาท มันร่วมไม่ได้ ถ้าเมาแล้วขับคนขับต้องมีแค่คนเดียว จากคลิปที่พลเมืองดีส่งมาให้ไม่อยากดูเลย
นายสมิง กล่าวอีกว่า ส่วนสาเหตุที่ต้องนำศพหลานสาวไปเผาก่อน เป็นความเชื่อของหมู่บ้านต้องเอาลูกไปก่อนจะได้ตัดแม่ตัดลูก ไม่งั้นมันจะตัดไม่ขาด ไปเกิดปีไหนเดือนไหน เกิดชาติหน้าก็จะไปด้วยกัน
ด้าน นางรินดา อายุ 50 ปี กล่าวน้ำตานองหน้าว่า ได้แค่เปิดหน้าดูหลานสาวน้อยก่อนเผาแล้วพูดไม่ออก หลังแพทย์ให้มาพักรักษาตัวที่บ้าน เจอคู่กรณีที่โรงพยาบาลไม่เคยมองไม่เคยถาม ยังไม่เห็นมาเคารพศพลูกสาวและหลาน
นางรินดา เล่าถึงเหตุการณ์ว่า ไปซื้อของที่ห้างค้าปลีกยักษ์ สามีลูกสาวคนขับรถ พากันขับออกมาในรถ 7 คน มาถึงไฟแดงที่เกิดเหตุแล้วจอด เพราะติดไฟแดง พอไฟเขียวเราก็ไป รถคันที่มาชนมาแบบไม่ยั้ง มันไม่ผ่อนไม่เบรกเลย ตูมเดียวลูกสาวคนที่ตายชนครั้งเดียวไปเลย กระทั่งบาดเจ็บนั่งรถเข็น ไม่ได้ไปร่วมงานเผาศพหลานสาว เพราะนั่งรถเข็นวีลแชร์ แพทย์สั่งห้ามขยับตัว
ขณะที่ นายสันติ กล่าวว่า ขณะนำร่างหลานสาวมา พบเห็นเงาสีขาวคล้ายรถเบนซ์วิ่งบนโลงศพ จึงถามญาติว่าไม่ได้ทำอะไรบนโลง พอเห็นรถวิ่งบนโลง จึงบอกว่าเดี๋ยวตาจะไปซื้อของเล่นให้ 4 คันเสียงจึงเงียบไปเลย ขณะที่บ้านเงียบแต่ได้ยินเสียงเปิดปิดประตู ก็นึกว่าน้องบีหลานสาวจะมาเปลี่ยนเสื้อผ้าจะไปทำงาน ขนหัวลุกซู่
ด้าน น.ส.สุชาดา กล่าวว่า ตนทำงานอยู่ที่โรงงานแห่งหนึ่งย่านนวนคร จ.ปทุมธานี หลังพี่สาวคนที่3 โทรศัพท์หาจึงลางานรีบมางานศพน้องสาวและหลาน น้องสาวเคยเล่าให้ฟังว่าถ้าเป็นผู้ชายให้ตั้งชื่อน้องออร์นิว หากเป็นผู้หญิงให้ตั้งชื่อว่าอายู ส่วนศพพี่สาวเวลา 13.00 น. วันที่ 8 ส.ค.67 จะนำไปฌาปนกิจที่เมรุวัดอรัญวิเวก บ.นาราชควายน้อย ม.10